พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนการระบายข้าวในสต็อกทั้งหมดประมาณ 8 ล้านตัน เพื่อลดภาระในเรื่องการเก็บรักษาข้าวในคลัง แต่เมื่อมีข้อร้องเรียนเข้ามาก็จะต้องมีการตรวจสอบ โดยยืนยันว่าจะไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาข้าวในฤดูกาลใหม่ ซึ่งระบายสต็อกสินค้าเกษตรทุกชนิดจะต้องพิจารณาดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งข้าวและยางพารา ไม่ใช่เน้นแค่การระบายสินค้าเพียงอย่างเดียว
"รัฐบาลวางแผนงานไว้ทั้งหมด แต่ก็ยังมีคนที่หาประโยชน์ในระดับล่าง ซึ่งทั้งหมดก็ต้องไปสอบสวน โดยรัฐบาลยืนยันว่า จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลคงต้องชะลอการระบายข้าวสารในสต็อกออกไปก่อน เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวเปลือกนาปีปี 60/61 กำลังจะออกสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติมาโดยตลอด เพราะหากระบายออกในช่วงที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต อาจส่งผลให้ราคาข้าวใหม่ในตลาดลดลงได้ ส่วนจะระบายในช่วงใดนั้นคงต้องพิจารณาสถานการณ์ต่างๆ ก่อน เช่น ความต้องการของตลาด
ขณะที่นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับข้าวเพื่อการบริโภคที่เหลืออีกประมาณ 50,000 ตันนั้น ขณะนี้อาจชะลอการเปิดประมูลออกไปก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาข้าวใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในช่วงนี้
ส่วนการประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน และข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ประมาณ 2.07 ล้านตัน จากทั้งหมดราว 2.7-2.8 ล้านตัน ที่ได้ผู้ชนะประมูลแล้ว แต่มีการฟ้องร้องกันอยู่ ต้องแก้ปัญหาข้าวกลุ่มนี้ และให้ผู้ชนะประมูลรับมอบข้าว (ขนข้าวออกจากโกดัง) โดยเร็ว โดยหากสามารถรับมอบข้าวได้ทั้งหมด จะทำให้ข้าวกลุ่มนี้เหลือเพียงไม่กี่แสนตันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะพยายามระบายข้าวสารในสต๊อกให้หมดโดยเร็วที่สุด ซึ่งตามแผนเดิมจะระบายออกให้หมดภายในปีนี้ แต่กลับเกิดปัญหาการฟ้องร้องของผู้เข้าร่วมประมูลรายหนึ่ง ที่ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเข้าร่วมประมูล จนส่งผลให้แผนการประมูลข้าวที่รัฐบาลวางไว้ต้องผิดแผน
สำหรับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น ล่าสุดหลายประเทศยังคงสนใจที่จะนำเข้าข้าวจากไทย ทั้งบังคลาเทศ และศรีลังกา ที่ต้องการนำเข้าข้าวนึ่ง แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งหากมีคำสั่งซื้อเข้ามา ไทยจะหาข้าวฤดูกาลใหม่ส่งมอบให้ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศขยับขึ้นได้อีก