คลังเผย พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากผ่านความเห็นชอบจากสนช. วาระ 2-3 แล้ว

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 19, 2017 14:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระ 2 และ 3 แล้ว โดยได้รับความเห็นชอบให้ตราเป็นกฎหมายในการประชุม สนช. ครั้งที่ 61/2560 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2560

นายพรชัยฯ กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 11 มาตรา และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1. แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากและขั้นตอนกระบวนการจ่ายคืนเงินฝากให้แก่ผู้ฝากเงิน ในกรณีที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้มีความเหมาะสมและก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากยิ่งขึ้น โดย

1.1 ยกเลิกกระบวนการให้ผู้ฝากเงินต้องมายื่นคำขอรับเงินภายหลังจากที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จะจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินภายใน 30 วัน ภายหลังจากที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต จากเดิมที่กระบวนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินจะต้องใช้เวลาทั้งหมด 160 วัน

1.2 เงินฝากที่จ่ายคืนแก่ผู้ฝากเงิน หากผู้ฝากเงินมีหนี้ที่ถึงกำหนดชำระเป็นจำนวนแน่นอนก่อนหรือในวันที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ให้ สคฝ.มีอำนาจหักหนี้ดังกล่าวออกก่อนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน

1.3 กำหนดขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลในกรณีที่ผู้ฝากเงินไม่เห็นด้วยกับจำนวนเงินที่ สคฝ.จ่ายคืนเมื่อสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต

1.4 กำหนดขั้นตอนการขอรับคืนเงินฝากในกรณีที่ผู้ฝากเงินมิได้รับเงินตามกำหนดระยะเวลา 30 วันภายหลังจากสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต และกำหนดขั้นตอนการวางทรัพย์ในกรณีที่ผู้ฝากเงินมิได้มายื่นขอรับคืนเงินฝากภายในระยะเวลาที่กำหนด

2. กำหนดให้ สคฝ.มีอำนาจกู้ยืมเงินโดยตรง นอกจากการออกตราสารทางการเงิน เพื่อให้มีแหล่งเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการจ่ายคืนผู้ฝากเงิน และการดำเนินการอื่นๆ ตามพันธกิจ

3. กำหนดให้คณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงิน และ สคฝ.มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่ถูกควบคุมระหว่างกันได้ เพื่อให้การเตรียมการรองรับการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

4. กำหนดให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย เพื่อประโยชน์ในการชำระบัญชี

5. กำหนดให้คณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากรายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากเดิมรายไตรมาสเป็นรายครึ่งปี

"ร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช.เพื่อตราเป็นกฎหมายบังคับใช้นี้ หากมีสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต สคฝ.จะสามารถจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน โดยเฉพาะผู้ฝากเงินรายย่อยด้วยความรวดเร็วขึ้น ตลอดจนช่วยพัฒนากลไกการคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินสร้างความเชื่อมั่น และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสถาบันการเงินแห่งอื่น ๆ ในระบบ รวมทั้งสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสถาบันการเงิน อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวม" โฆษก สศค.ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ