ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.07/09 เคลื่อนไหวกรอบแคบ ยังขาดปัจจัยสำคัญหนุนทิศทาง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 14, 2017 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.07/09 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.06 บาท/ดอลลาร์

ตลอดทั้งวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่แคบมาก เนื่องจากระยะนี้ยังไม่มีปัจจัยเด่นๆ ที่จะมีผลต่อค่าเงินมากนัก พร้อมมองว่าวันพรุ่งนี้ทิศทางของเงินบาทน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับนี้เช่นกัน

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.05 - 33.15 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.66/86 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.65 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1703/1724 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1671 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,702.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.58 จุด (+0.92%) มูลค่าการซื้อขาย 60,523 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,210.22 ลบ.(SET+MAI)
  • กรมบัญชีกลาง เผยผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ในเดือนแรกของปีงบประมาณ (1-31 ต.
ค.60) พบว่าสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมได้ 4.13 แสนล้านบาท จากวงเงินงบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น
14.27% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แบ่งเป็น การเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 381,741 ล้านบาท ส่วนรายจ่ายลงทุน (กรณีไม่รวมงบ
กลาง) เบิกจ่ายได้ 32,205 ล้านบาท สำหรับเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีเบิกจ่ายแล้ว 14,428 ล้านบาท โดยมีการก่อหนี้
แล้วทั้งสิ้น 192,862 ล้านบาท
  • กระทรวงการคลัง เตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ครั้งที่ 1 วงเงิน 15,000 ล้านบาท
รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.85% ต่อปี และรุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.45% ต่อปี แบบไร้ใบตราสาร
(Scripless) เปิดจำหน่ายตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน 2560 – 30 มีนาคม 2561 วงเงินซื้อต่อราย 1,000 บาทขึ้นไป ไม่จำกัดวง
เงินซื้อขั้นสูง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมที่มั่นคงของประชาชน และเป็นทางเลือกในการลงทุนของประชาชนที่ถือ
พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะครบกำหนดอายุในเดือนธันวาคม 2560
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP)
ของอังกฤษในปี 2560 ลงสู่ระดับ 1.7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวได้ 2% โดยปัจจัยสำคัญที่ฉุดเศรษฐกิจของอังกฤษ คือ
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลสรุปของกระบวนการ Brexit ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์เป็น
ผู้นำ
  • สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (Ifo) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทั่วโลก พบว่าปรับตัวขึ้น
3.9 จุด แตะที่ 17.1 จุด ในไตรมาส 4/2560 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 ทั้งนี้ ประธาน Ifo ระบุในแถลงการณ์ว่า
การที่เศรษฐกิจโลกค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นนั้น ได้ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจในภาพรวมให้ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจานี้ Ifo ได้สำรวจความเห็น
จากนักเศรษฐศาสตร์ 1,171 รายใน 120 ประเทศ ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจในทุกภูมิภาคทั่วโลกจะขยายตัวรวดเร็วขึ้น ยกเว้นตะวันออก
กลางและแอฟริกา ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ เช่น ละตินอเมริกามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
  • องค์การการค้าโลก (WTO) เปิดเผยดัชนีชี้วัดแนวโน้มการค้าโลก (WTOI) ล่าสุด บ่งชี้ว่าการค้าโลกมีแนวโน้มขยาย
ตัวระดับปานกลาง ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยดัชนี WTOI ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 102.2 ซึ่งแม้ว่าลดลงเล็กน้อยจากคาดการณ์ครั้ง
ก่อนเมื่อเดือนส.ค. แต่ก็บ่งชี้ว่าการค้าโลกมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้
  • นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีภาค
การผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค
(CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
รายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ