(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.04 แข็งค่า หลังตลาดขาดปัจจัยถือดอลลาร์ มองกรอบ 33.00-33.10

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 15, 2017 11:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 33.04 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า เล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.07/09 บาท/ดอลลาร์

บาทแข็งค่าต่อเนื่องหลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อความ ล่าช้าในการบังคับใช้มาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากแรงเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐ เพราะช่วงนี้นักลงทุนขาดปัจจัยที่ จะกลับมาถือดอลลาร์ ประกอบกับราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า sentiment ของตลาดไม่ค่อยสดใส

"ดอลลาร์ช่วงนี้อ่อนค่า แม้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐจะออกมาดี แต่คนยังกังวลกับมาตรการปฏิรูปภาษี สะท้อนจากตลาด หุ้นที่มีแรงเทขาย ราคาทองคำก็ปรับขึ้น มี flow ขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร จึงทำให้บาทค่อนข้างแข็งค่า" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 33.00-33.10 บาท/ดอลลาร์ และยังไม่น่าจะหลุด แนวรับสำคัญไปได้

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.0450 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (14 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.04756% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.24519%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.21 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.66/86 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1792 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1703 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.080 บาท/ดอลลาร์
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) ขณะ
ที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ รวมถึงกังวล
เกี่ยวกับศักยภาพเศรษฐกิจของสหรัฐในการรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้ปัจจัยหนุน
จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกรอบเวลาในการบังคับใช้ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX
(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ระดับ 1282.90 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.
ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 55.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 95 เซนต์
หรือ 1.5% ปิดที่ 62.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้และปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานที่บ่งชี้ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในระหว่างการประชุมหัวข้อ "Communication
challenges for policy effectiveness, accountability and reputation" ซึ่งจัดโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ว่า การที่เฟดทำการชี้นำทิศทางนโยบายในอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็ควรดำเนินการอย่างมีเงื่อนไข โดยขึ้นอยู่กับการปรับตัว
ของเศรษฐกิจในขณะนั้น
  • สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ เตรียมเสนอการเพิกถอนข้อบังคับสำคัญในกฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลชุด
ก่อน หรือ "โอบามาแคร์" ตามแผนปฏิรูประบบภาษีฉบับใหม่ของวุฒิสภา ทั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเพิ่มความ
เสี่ยงทางการเมือง อีกทั้งเพิ่มความไม่แน่นอนในการผลักดันมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากที่ก่อนหน้านี้
สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรส เคยคว้าน้ำเหลวในการโหวตคว่ำกฎหมายโอบามาแคร์และแทนที่ด้วยกฎหมายเฮลธ์แคร์ฉบับใหม่มา
แล้ว
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กำลังพิจารณาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟด
เดือนหน้า โดยระบุว่าอดีตที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ถ้าเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างมาก เฟดก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้ตาม
ทันการปรับตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ย สหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 96.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

  • นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ซได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing
Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาค
ธุรกิจเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน
ต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ