กรมท่าอากาศยาน เล็งปฏิรูป 4 กระบวนการหลัก-ดึงเอกชนร่วมลงทุน ยกระดับการบริหาร-สร้างโอกาสเศรษฐกิจท้องถิ่น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 20, 2017 12:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการบริหารและพัฒนาท่าอากาศยานในสังกัดฯ ว่า ผลการศึกษาศูนย์วิจัยและบริการวิชาการด้านการขนส่งทางอากาศพบว่าการพัฒนาและการบริหารท่าอากาศยานทั่วโลกรูปแบบของหน่วยงานที่ดูแลการดำเนินงานท่าอากาศยาน ทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐหน่วยงานภาคเอกชนและหน่วยงานที่ร่วมกันดำเนินงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนนั้นมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศ รวมถึงช่วงระยะของวิวัฒนาการในการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศนั้นๆ แต่ที่สำคัญไม่ว่ารูปแบบการบริหารเป็นแบบใด ท่าอากาศยานต้องให้ความสำคัญในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับท้องถิ่นเพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนา

สำหรับผลศึกษาขีดความสามารถด้านการขนส่งทางอากาศและขีดความสามารถด้านการเงิน พบว่า ท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยานมีปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสูงถึงกว่า 25% (ปี 52-59) และมีท่าอากาศยานจำนวน 17 แห่งที่มีผลกำไรจากการดำเนินงาน และจากการพยากรณ์การเติบโตของปริมาณการขนส่งทางอากาศที่ใช้บริการท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยานระยะ 20 ปี เฉพาะท่าอากาศยานในปัจจุบันจำนวน 28 แห่ง พบว่า จะมีท่าอากาศยานที่มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นจาก 11 แห่งในปัจจุบัน เป็น 25 แห่ง และยังคงมีท่าอากาศยานที่ประสบภาวะการขาดทุนเพียง 3 แห่งเท่านั้น

อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า ถึงแม้ท่าอากาศยานพาณิชย์ในสังกัดกรมท่าอากาศยานมีฐานะเป็นท่าอากาศยานของรัฐ ไม่มีเป้าหมายในการแสวงหากำไรจากการดำเนินงาน แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่การบริหารงานจะต้องมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลกำไรในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถพึ่งพางบประมาณของหน่วยงานซึ่งเกิดจากการให้บริการผู้ใช้บริการโดยตรง (User Pay) และลดการสร้างภาระงบประมาณจากการใช้งบประมานของรัฐที่มาจากภาษีของประชาชนทุกคน (Tax Payer Pay) นอกจากนั้นจากการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการลดภาระต้นทุนการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการภายในท่าอากาศยานและผู้โดยสาร ทำให้อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าอากาศยานในทุกด้านมีระดับต่ำกว่าผู้ดำเนินงานท่าอากาศยานหลักอีก 2 ราย โดยในช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาได้สนับสนุนการขนส่งทางอากาศผ่านการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต่ำกว่ารายอื่นตามที่อ้างถึงนั้นคิดเป็นมูลค่ารวมถึงกว่า 7,000 ล้านบาท

และจากผลการวิเคราะห์สภาพการณ์ที่สำคัญทั้งในส่วนของปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของกรมท่าอากาศยาน รวมถึงเป้าหมายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม จึงได้นำสู่การกำหนดตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ให้กับท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน เป็น "ท่าอากาศยานแห่งการสร้างคุณค่าและโอกาส" โดยได้กำหนดแนวทางในการบริหารท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยานออกเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) โครงการนำร่องเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนในการบริหารและพัฒนาท่าอากาศยาน และ 2) โครงการยกระดับการบริหารท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน

สำหรับโครงการนำร่องเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนในการบริหารและพัฒนาท่าอากาศยานได้จัดทำรูปแบบการบริหารออกเป็น 2 รูปแบบ จะได้กำหนดหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกท่าอากาศยานที่มีความเหมาะสมกับแต่ละรูปแบบ ด้วยผลการพัฒนารูปแบบที่ 1 การให้สิทธิ์การบริหารท่าอากาศยานแก่ ทอท. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบการดำเนินงานท่าอากาศยานหลักของประเทศ 6 แห่งในภูมิภาคหลักของประเทศ แต่ยังขาดท่าอากาศยานในพื้นที่ฝั่งตะวันตกและพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ จึงได้กำหนดให้ท่าอากาศยานอุดรธานีและท่าอากาศยานตากเป็นท่าอากาศยานเป้าหมายที่จะให้สิทธิ์การบริหารท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งนี้แก่ ทอท. เพื่อให้ ทอท.มีโครงข่ายในการพัฒนาเส้นทางการบินที่ครบทุกภูมิภาคหลักของประเทศ และรูปแบบที่ 2 การให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาท่าอากาศยาน โดยได้กำหนดท่าอากาศยานจำนวน 4 แห่งเป็นท่าอากาศยานเป้าหมายสำหรับการดำเนินงานตามรูปแบบนี้ ได้แก่ ท่าอากาศยานลำปาง, ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์, ท่าอากาศยานนครราชสีมา และท่าอากาศยานชุมพร โดยรายละเอียดของรูปแบบของการให้เอกชนร่วมลงทุนนั้นขึ้นอยู่กับผลการศึกษาที่ต้องดำเนินงานตามมาตรา 25 ของการจัดทำ PPP ต่อไป

สำหรับโครงการยกระดับการบริหารท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยานภายใต้ตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ใหม่ "ท่าอากาศยานแห่งการสร้างคุณค่าและโอกาส" มุ่งสร้างคุณค่าทั้งในส่วนของความคุ้มค่าด้านต้นทุน การเพิ่มคุณค่าในด้านต่างๆให้กับผู้ใช้บริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญผ่านการยกระดับคุณภาพการดำเนินงาน และมุ่งสร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นทั้งในส่วนของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงนักสร้างนวัตกรรมและผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ (Local Start-UP) โดยปรับเปลี่ยนฐานแนวคิดใหม่ในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของท่าอากาศยาน ให้เป็นพื้นที่ที่ไม่เป็นเพียงกิจกรรมการซื้อขายสินค้าที่มีคุณภาพของท้องถิ่นเท่านั้น (Market Place) แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ใช้เป็นช่องทาง (Chanel) ในการเพิ่มโอกาสให้เกิดคู่ความร่วมมือในการพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจอีกด้วย (Business Matching)

ทั้งนี้ กรมท่าอากาศยานจะทำการปฏิรูปใน 4 กระบวนการหลักของการบริหารท่าอากาศยานในสังกัด ได้แก่ 1) การวางแผน ซึ่งต้องดำเนินงานกำหนดให้มีระดับของแผนงานทั้งในระยะยาวและระยะสั้นที่มีทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกัน โดยเฉพาะท่าอากาศยาน ทุกแห่งต้องมีแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาและการบริหารงานเป็นของตัวเองที่สะท้อนความต้องการและทิศทางการพัฒนาของพื้นที่ และสามารถสนับสนุนนโยบายที่สำคัญของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาล 2) การจัดระบบองค์กร โดยการปฏิรูปการออกแบบโครงสร้างการบริหารท่าอากาศยานในสังกัด ให้มีความเป็นเอกภาพพร้อมกับสามารถบูรณาการการใช้ทรัพยากรและขีดความสามารถได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการออกแบบระบบงานที่สามารถสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับการดำเนินงานท่าอากาศยาน โดยการใช้ทั้งทรัพยากรของกรมท่าอากาศยาน และการบริหารเครือข่ายของกิจกรรมที่กำหนดให้หน่วยงานภายนอกเป็นผู้ร่วมดำเนินงาน (Networking & Outsourcing) ซึ่งเป้าหมายหลักของกิจกรรมการสร้างคุณค่าต้องดำเนินงานเป็นอันดับแรก ได้แก่ การพัฒนาระบบการจัดการความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย และการพัฒนาระบบการบริหารการตลาดเชิงรุกของท่าอากาศยาน 3) การขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านการบริหารงานโดยใช้แผนงานอย่างเป็นระบบ และพัฒนาและสนับสนุนทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร ได้แก่ ทรัพยากรบุคคล ให้มีความรู้ทักษะและทัศนคติที่สอดคล้องกับภารกิจในการดำเนินงานตามหน้าที่ได้ตามเป้าหมาย และ 4) การติดตามและประเมินผล โดยการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร ตามแนวคิด SMART Airport และการพัฒนาระบบการติดตามประเมินสมรรถนะการดำเนินงานท่าอากาศยาน (Airport Performance Monitoring & Benchmarking)

ปัจจุบันมีหน่วยงานที่เป็นผู้ดำเนินงานท่าอากาศยานพาณิชย์ทั้งสิ้น 4 ราย ได้แก่ 1.กรมท่าอากาศยาน ซึ่งมีท่าอากาศยานในสังกัดทั้งสิ้น 28 แห่ง และกำลังก่อสร้างท่าฯ แห่งใหม่อีกหนึ่งแห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานเบตง 2.บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มีท่าอากาศยานฯในสังกัด 6 แห่ง 3.บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) มีท่าอากาศยานในสังกัด 3 แห่ง และ 4.กองทัพเรือ มีท่าอากาศยานในสังกัด 1 แห่ง โดยแต่ละหน่วยงานจะมีลักษณะเฉพาะของท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบแตกต่างกัน ทั้งในเชิงของขนาดท่าอากาศยาน ปริมาณการขนส่งทางอากาศ ตำแหน่งที่ตั้งและการกระจายตัวของท่าอากาศยานในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงขีดความสามารถในการให้บริการและขีดความสามารถทางการเงิน

สำหรับท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยานทั้ง 28 แห่ง เป็นท่าอากาศยานที่มีภารกิจหลัก ไม่เฉพาะเพียงการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังเป็นระบบท่าอากาศยานให้บริการกับภารกิจของหน่วยงานราชการที่สำคัญต่อการพัฒนาท้องถิ่น เช่น ภารกิจด้านการทำฝนหลวง ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร การให้บริการกับเที่ยวบินฝึกบินซึ่งกว่า 97% ของเที่ยวบินฝึกบินทั้งประเทศจะทำการฝึกที่ท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน รวมถึงการให้บริการกับเที่ยวบินทางทหารซึ่งมีความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศ และเที่ยวบินอื่นๆ ที่มีความสำคัญในเชิงสังคม เช่น การขนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศเป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ