ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.73 แข็งค่าต่อหลังตัวเลข GDP Q3/60 ของไทยออกมาดี คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.70-32.80

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 20, 2017 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.73 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.79 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/60 ขยายตัวถึง 4.3% และยังได้ปรับคาดการณ์ GDP ทั้งปี 60 เพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จาก เดิมที่ 3.7% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าต่อ

"วันนี้สภาพัฒน์ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ซึ่งออกมาดี เลยหนุนให้บาทแข็งค่าต่ออีก" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าต่อ ให้กรอบไว้ที่ 32.70-32.80 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.10 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1793 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.743 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,714.38 จุด เพิ่มขึ้น 5.00 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขาย 49,171 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 371.57 ลบ.(SET+MAI)
  • สภาพัฒน์ เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/60 ขยายตัวถึง 4.3% สูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส และขยายตัวเร่งขึ้น
จากไตรมาสก่อนหน้า โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนรวม ส่วน
ในด้านการผลิต มาจากแรงหนุนการผลิตสาขาอุตสาหกรรม ค้าส่ง-ค้าปลีก สาขาไฟฟ้า ก๊าซ โรงแรม ภัตาคาร สาขาขนส่ง และคม
มนาคม พร้อมปรับคาดการณ์ GDP ของไทยทั้งปี 60 เพิ่มเป็นขยายตัว 3.9% จากเดิมที่คาดไว้ 3.7% และคาดการณ์ GDP ในปี 61
ว่าจะเติบโตได้ในช่วง 3.6-4.6%
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้มุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.00
บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่ากว่าเมื่อเทียบกับระดับปิดในสัปดาห์ก่อนที่อยู่ที่ระดับ 32.85 บาทต่อดอลลาร์ พร้อมคาดว่าการเกินดุลบัญชีเดิน
สะพัดของไทย กระแสเงินทุนไหลเข้าระลอกใหม่ท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนต่อนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะส่งผลให้เงินบาท
ในช่วงที่เหลือของปีเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้น
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นเดือน
แรกของปีงบประมาณ 2561 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 192,425 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 9,180 ล้านบาท สาเหตุ
จากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่น สูงกว่าประมาณการ 4,444 ล้านบาท และ 1,376
ล้านบาท หรือ 14.8% และ 8.3% ตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษีน้ำมัน และภาษีเงิน
ได้บุคคลธรรมดา
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือนตุลาคม
2560 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้นจำนวน 183,814 ล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 428,374 ล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 40,600 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง
ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 304,817 ล้านบาท ซึ่งฐานะการคลังในเดือนตุลาคม 2560 ถือว่าอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ
จำนวน 28,824,753 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.69% และก่อให้เกิดรายได้รวม 1,472,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.31%
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้อัดฉีดเม็ดเงิน 2 หมื่นล้านหยวน (3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ตลาดการเงินใน
วันนี้ เพื่อบรรเทาภาวะสภาพคล่องตึงตัว
  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงใช้
มาตรการที่จำเป็นเพื่อลดภาวะเงินฝืด โดยหวังว่า BOJ จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างเข้มงวด เพื่อบรรลุเป้าหมายเงิน
เฟ้อ 2%
  • โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 4 ครั้งในปี 201
เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัว และภาพรวมด้านเงินเฟ้อเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
  • นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยนเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้
ตามเวลาสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสำหรับปีนี้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังติดตามรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.60 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบาย (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.60


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ