ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.60 แนวโน้มแกว่งแคบตามทิศทางภูมิภาค นลท.รอติดตามผลประชุมเฟด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 12, 2017 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.60 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น วันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.65 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทน่าจะแกว่งแคบๆ ทิศทางเดียวกับภูมิภาครอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน ยังมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 32.50-32.65 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.82213% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (8 ธ.ค.)อยู่ที่ระดับ 1.16527%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.53 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 113.30 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1737 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1763 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.6470 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (11-15 ธ.ค.) ที่ 32.50-32.80 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯโดยคงต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยและเศรษฐกิจปีหน้าของเฟด (12-13
ธ.ค.) ตลอดจนสัญญาณเกี่ยวกับการผลักดันแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนี
ราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ข้อมูลเงินทุนระหว่างประ
เทศเดือนต.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษ ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.
ย.ของจีน ตลอดจนดัชนี PMI ขั้นต้นประจำเดือนธ.ค. ของประเทศชั้นนำหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน
  • แบงก์คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายของปีสู่ระดับ 1.50% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย ไม่ส่ง
ผล กระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินทุนของไทยมากนัก เนื่องจากตลาดได้รับรู้ไปแล้ว และการถือครองพันธบัตรของต่างชาติอยู่ใน
ระดับไม่สูง ส่วนดอกเบี้ยนโยบายไทยคาดทรงตัวต่อเนื่องถึงครึ่งหลังปีหน้า
  • บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ครั้งสุดท้ายของปี 60 มองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย
อาจจะปรับลดลงเล็กน้อยในระยะสั้นเท่านั้น แม้การขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้งของเฟดจะส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ที่ผ่านมาตลาดตอบรับกับ
ข่าวนี้มาพอสมควร จึงมองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก โดยประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยในวันที่ 12-15 ธ.ค. แนวรับอยู่ที่ 1,700
จุด ส่วนแนวรับต่อไปอยู่ที่ 1,693 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,715-1,720 จุด
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย ธนาคารกลางมาเลเซีย ประกาศให้ใช้กลไก
การชำระเงินสกุลท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนอย่างเป็นทางการวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยการร่วมมือครั้งนี้เป็นไป
ตามที่ได้ทำบันทึกความเข้าใจทั้งสองฉบับระหว่างธนาคารกลางมาเลเซียกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย และ ธปท.กับธนาคารกลาง
อินโดนีเซีย ซึ่งการรับชำระเงินสกุลรูเปียห์-ริงกิต และรูเปียห์-บาท รวมถึงการขยายขอบเขตกลไกการชำระเงินสกุลริงกิต-บาท จะ
เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2561
  • แบงก์กรุงเทพเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงิน จับมือ "R3-TradeIX-CGI"ยกระดับบริการธุรกรรมระหว่าง
ประเทศ ทั้ง Open Account และเปิด L/C ชี้ช่วยธุรกิจลดต้นทุน-เพิ่มประสิทธิภาพให้ลูกค้า
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า สิ้นปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายร้านค้ารับชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเป็น 2 แสน
ร้าน ส่วนปี 2561 ตั้งเป้าขยายร้านค้ารับคิวอาร์โค้ด 5 แสนร้านค้า ทำให้สิ้นปีหน้าจะมี 7 แสนร้านค้า
  • สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่าสถานการณ์ค้าปลีกไตรมาสสุดท้ายของปีคึกคักมากขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการไม่มีอารมณ์
การจับจ่ายมานานกว่าปี ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการบัตรสวัสดิการประชารัฐที่ทำให้เม็ดเงินถึงฐานรากช่วยกระตุ้นการจับจ่าย รวมทั้ง
โครงการ “ช้อปช่วยชาติ” และโครงการ “รวมใจ เพิ่มสุข ช้อปสนุก ลดรับปีใหม่” ภาคเอกชนมีกิจกรรมส่งเสริมการขายยาวถึง
มกราคม ปีหน้าทำให้เงินหมุนเวียนเข้าระบบมากขึ้นจะส่งผลให้ภาพรวมดัชนีค้าปลีกปี 2560 เติบโต 3.2-3.4% (ขณะที่คาดการณ์ว่า
GDP ทั้งปี 2560 จะเติบโตที่ 3.9%)
  • คณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) แถลงว่า อียูตกลงจะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย
และกลับเข้าสู่การติดต่อทางการเมืองกับไทยในทุกระดับ เพื่อปูทางสู่การเจรจาในประเด็นสำคัญร่วมกัน เนื่องจากไทยมีการรับร่างรัฐ
ธรรมนูญใหม่ และเตรียมการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2561 ซึ่งทำให้ไทยมีความเหมาะสมที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ด้วย
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) ขณะ
นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนหน้าการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะ
สินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทำนิวไฮ รวมทั้งปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
  • ตลาดการเงินจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้
ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
  • นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., ดัชนี

ราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีก

เดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการ

ผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ