"ศุภวุฒิ"ห่วงราคาน้ำมัน-คาบสมุทรเกาหลีวุ่นกระทบตลาดหุ้น, มองบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 8, 2018 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสายงานวิจัย บล.ภัทร คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปี 61 จะรับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากเหตุการณ์ประท้วงภายในประเทศอิหร่าน เนื่องจากอิหร่านเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่มโอเปก (3.8 ล้านบาเรลต่อวัน) และจะมีผลต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยมาก เนื่องจากตลาดหุ้นเรื่องพลังงาน และน้ำมัน เป็นสัดส่วนที่ใหญ่มากของตลาด

โดยประเมินสถานการณ์ว่าหากเกิดสถานการณ์ยุ่งเหยิงมาก ฝ่ายหัวรุนแรงในอิหร่านเกิดล้มไป แล้วไม่มีใครคุมประเทศได้ การผลิตก็ไม่เกิดขึ้น และการส่งออกน้ำมันก็ได้รับผลกระทบอีก เรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นจากต้นปีที่ปรับขึ้นมาแล้ว เพราะกำลังซื้อในโลกพัฒนาดีขึ้นเป็นลำดับ

ส่วนกรณีเหตุการณ์คาบสมุทรเกาหลีนั้น มองว่ากรณีเกาหลีเหนือจะมีการเจรจากับทางเกาหลีใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์ได้วิเคราะห์ว่าเป็นกลยุทธ์ของเกาหลีเหนือที่ต้องการจะสร้างความบาดหมางระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ เพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการดำเนินนโยบายไม้แข็งกับเกาหลีเหนือ แต่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กลับต้องการดำเนินนโยบายไม้อ่อน

ในระยะสั้น สำหรับเกาหลีใต้เป็นเรื่องสำคัญมากที่อยากจะเจรจากับเกาหลีเหนือ และคาดว่าจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ นอกจากการคุยกันแล้ว เกาหลีใต้ได้เชิญเกาหลีเหนือให้ส่งนักกีฬามาร่วมแข่งโอลิมปิกเกมส์ที่เกาหลีใต้ในเดือน ก.พ.นี้ หากนักกีฬาเกาหลีเหนือเดินทางมาก็น่าจะทำให้คลายกังวลการก่อการร้ายในช่วงเวลาดังกล่าว และเป็นประโยชน์มากที่เกาหลีใต้จะรับไมตรีจิตของเกาหลีเหนือ แต่ก็อาจจะทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่พอใจมากขึ้น

ขณะที่นโยบายการเงินการคลังของสหรัฐในปีนี้ จากมาตรการปฏิรูปภาษี อาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 3% ในปีนี้และปีต่อไป เพราะเป็นการลดภาษีทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา แต่ปัญหาคือ Bank of America สรุปว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นการปฏิรูป คือ GDP ไม่ได้โตต่อเนื่องในระยะยาว แต่โตเฉพาะแค่ 2 ปีข้างหน้า และเป็นช่วงกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวดีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างว่า GDP สหรัฐฯคาดการณ์ปีนี้จะโตได้ 2.5% แต่ประเมินว่าศักยภาพของเศรษฐกิจในระยะยาวโตเฉลี่ยประมาณ 1.8% ดังนั้นก็ถือว่าโตเกินศักยภาพอยู่แล้วในช่วงที่ตอนนี้อัตราการว่างงานต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงว่าเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงบอกว่าอาจจะเป็นได้ที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง หรืออาจจะแถมเพิ่มขึ้นอีกได้ แต่ตอนนี้ยังยืนยันกันว่าขึ้น 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% จึงคาดการณ์กันว่ามีแรงกดดันเงินเฟ้อมากกว่าที่คาดเอาไว้เดิม

"ในช่วงหลังๆ จะเห็นว่า ถ้ามีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะร้อนแรง แล้วเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยระยะยาวจะค่อยๆ ขยับขึ้นไปก่อน ที่เราเห็นว่าพันธบัตรรัฐบาลในช่วงสิ้นปี ขยับเข้าไปใกล้ 2.5% จากเดิมที่ต่ำต้อยมาก ประกอบกับจะมีผู้ว่าแบงก์ชาติสหรัฐคนใหม่ และประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ ที่จะเริ่มรับตำแหน่งและขับเคลื่อนจริงๆ ในปีนี้ และมีคณะกรรมการนโยบายการเงินที่มีการเปลี่ยนเวียนคนเข้ามาจากภูมิภาคต่างๆ ซึ่งสรุปกันว่า กรรมการชุดใหม่จะเป็นพวกเหยี่ยวมากขึ้น จึงคาดการณ์กันว่า อย่างน้อยแนวโน้มนโยบายการเงินน่าจะเข้มข้นขึ้นในการขึ้นดอกเบี้ยที่อาจจะมากขึ้นในปีนี้"

สำหรับเศรษฐกิจไทย นายศุภวุฒิ กล่าวว่า เงินเฟ้อของไทยกระเตื้องช้ามาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ยอมรับเช่นนั้น ดังนั้นแม้มีแรงซื้อจากต่างประเทศ ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว จึงมองในแง่หนึ่งว่าจะต้องดูทั้งสองประเด็นว่าทำให้ GDP โตจริงๆ แต่อีกประเด็นหนึ่งทำให้การโตของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด เพราะมีเงินสดไหลเข้าประเทศมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ เพราะปีก่อนคาดการณ์ว่าจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 7% ของ GDP แต่กลายเป็น 10%

"ตรงนี้ แปลว่ามีเงินดอลลาร์เข้ามาที่อยากจะแลกเงินบาทเยอะมาก ทำให้บาทแข็งค่า ปีที่แล้วบาทแข็งค่าไป 10% เมื่อเทียบดอลลาร์ ถ้ายังมีแรงกดดันแบบนั้นอีก มันจะเป็นแรงกดดันให้เงินเฟ้อไม่ขึ้น เพราะสินค้าที่นำเข้ามาทุกชิ้นราคาถูกลง จึงมีแรงกดดันตรงนี้ไว้ ยิ่งส่งออกดี ท่องเที่ยวดี กลายเป็นว่าเงินเฟ้อในประเทศยิ่งต่ำ พอเงินเฟ้อในประเทศต่ำ กลายเป็นว่าคนในประเทศเราไม่มีความสามารถในการผลักดันราคาสินค้าให้ขึ้นได้เลย การขายของในประเทศราคามีแต่ไม่ขึ้น ผลักดันยากมาก จึงเป็นที่มาว่าถ้าอย่างนั้นจะไปเร่งลงทุนทำไม รัฐบาลก็พยายามให้คำตอบ 2 คำตอบ คือ รัฐบาลพยายามเร่งลงทุนใน EEC และรัฐบาลพยายามหามาตรการช่วยคนที่มีรายได้น้อย ทั้งภาคเกษตร คนในเมือง SME จึงมีข้อสังเกตว่า ส่วนใหญ่ที่รัฐบาลช่วยเป็นการช่วย Soft loan ซึ่งต้องระวัง เพราะแบงก์ชาติบอกว่าปัญหาคือ คนมีหนี้เยอะ แต่กลับมีการเสนอให้เพิ่มการกู้เงิน ซึ่งเป็นการเพิ่มหนี้ ต้องระมัดระวัง เพราะเมื่อเพิ่มหนี้แล้วต้องดูว่าสามารถคืนเงินต้น คืนดอกเบี้ยได้ครบถ้วน" นายศุภวุฒิ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ