ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.95 ระหว่างวันแข็งค่าแตะ 31.87 ทำนิวโลว์รอบ 41 เดือน ก่อนกลับมาอ่อนค่า

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 17, 2018 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 31.95 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เปิดตลาดเช้าที่ระดับ 31.91 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทไปทำ new low ในรอบ 41 เดือนที่ระดับ 31.87 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.87-32.00 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้เงินบาทค่อนข้างผันผวน ระหว่างวันลงไปทำ new low ในรอบ 41 เดือนที่ 31.87 (บาท/ดอลลาร์) แต่หลัง จากที่ผู้ว่าฯ ธปท.ออกมา comment เงินบาทก็อ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 31.96-31.98 (บาท/ดอลลาร์) ซึ่งอาจมาจากนักลงทุนกังวล ว่า ธปท.จะออกมาตรการดูแลเรื่องการเก็งกำไรค่าเงินบาทออกมา" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 31.90-32.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ 110.71 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.45 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.2233 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2290 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,828.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.05 จุด, +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 75,216.91 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,222.84 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าในระยะนี้มาจากหลายสาเหตุ
ซึ่งนอกจากจะเป็นผลมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ หลายสกุลในโลก จากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจ
เศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจเอาเชีย ยุโรป ฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากดุลบัญชีเดิน
สะพัดของไทยเกินดุลสูงในช่วงปลายปี 2560 ซึ่งเป็นเพราะผู้ส่งออกขายเงินตราต่างประเทศมาก
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบพฤติกรรมบางอย่างที่แสดงถึงการเก็งกำไรค่าเงิน โดยมีสถาบันการเงินที่อยู่
ในประเทศเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งในเรื่องนี้ ธปท.กำลังเข้าไปตรวจสอบในเชิงลึกและดำเนินการให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
  • ผู้ว่าฯ ธปท. ยังมั่นใจว่า เงินบาทที่แข็งค่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ
โลกที่ฟื้นตัวได้ดีจะเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง
  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) คาดแนวโน้มภาวะการค้าภาคบริการในปี 2561 จะขยายตัวได้
อย่างต่อเนื่อง สำหรับสาขาบริการที่มีศักยภาพ และแนวโน้มขยายตัวได้ดี ได้แก่ สาขาอสังหาริมทรัพย์ สาขาบริการทางการเงิน
สาขาสุขภาพ และสาขาขายส่งและการขายปลีก โดยสาขาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มขยายตัวตามเศรษฐกิจของประเทศ และสาขา
สุขภาพมีแนวโน้มขยายตัวที่ดีตามกระแส Medical Tourism ซึ่งคาดว่าในระยะต่อไปจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มนักลงทุนมากขึ้น ทั้ง
ในแง่ของการลงทุนและการทำการตลาดด้านสุขภาพ ขณะที่สาขาก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่ยังมี
แผนการลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
  • เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มั่นใจการให้สมาร์ทวีซ่า (SMART VISA) จะเป็นปัจจัยที่ช่วย
สนับสนุนให้เกิดการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0
  • เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำรัสเซียเปิดเผยว่า การที่สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียใหม่ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า รัส
เซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 นั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ทั้งใน
ระยะสั้นและระยะยาว
  • สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะลดวงเงินใน
โครงการซื้อพันธบัตร โดยความเคลื่อนไหวของ BOJ เป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะยุติ
โครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
  • บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล ดิ่งลง 18% เมื่อวานนี้ ใกล้หลุดระดับ 11,000 ดอลลาร์ จากความวิตกของนักลงทุน
เกี่ยวกับการที่จีนและเกาหลีใต้จะออกมาตรการคุมเข้มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ