ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดส่งออก Q1/61 ผ่อนแรงลงจากปัจจัยฐาน หลัง Q4/60 โตถึง 11.7% ทั้งปีขยายตัวได้ 4.5%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 22, 2018 18:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงประมาณการอัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกและนำเข้าสินค้าไทยตลอดทั้งปี 2561 ไว้ที่ 4.5% และ 8.0% โดยในช่วงที่เหลือของปี 2561 ยังต้องติดตามประเด็นการต่ออายุ GSP การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ตลอดจนค่าเงินบาทที่จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ฯ จากปัจจัยทางการเมืองทั้งในและนอกประเทศ ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงต่อเนื่องในปี 2561 ที่ราว 9% ต่อจีดีพี

อนึ่ง การส่งออกสินค้าไทยในเดือนธ.ค. 2560 ขยายตัวที่ 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย. 2560 ที่ขยายตัวสูงถึง 13.4% YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพลิกกลับมาหดตัวของการส่งออกน้ำตาลทราย รวมถึงการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงของการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับปิโตรเลียม แต่ก็ยังช่วยหนุนการส่งออกตลอดทั้งปี 2560 ให้ขยายตัวดีที่ 9.9% YoY ในขณะที่การนำเข้าสินค้าไทยในเดือนธ.ค. 2560 ขยายตัวสูงเกินคาดที่ 16.6% YoY จากมูลค่าการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจากทั้งทางด้านปริมาณและราคา ทำให้การนำเข้าของไทยในปี 2560 ขยายตัวสูงที่ 14.7% YoY

ทั้งนี้ เมื่อมองไปในช่วงไตรมาสที่ 1/2561 โมเมนตัมการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะยังเป็นแรงสนับสนุนหลักของการส่งออกสินค้าไทย แต่คาดว่าจะผ่อนแรงลงจากปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อน โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับปิโตรเลียมที่เริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนแรงตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2560 ที่ผ่านมานอกจากนี้ มีข้อสังเกตถึงประเด็นที่ต้องติดตามซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันต่อการส่งออกบางสินค้าไปยังบางตลาดที่ขยายตัวสูงในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น

ความล่าช้าในการต่อสิทธิพิเศษทางภาษีของสหรัฐฯ (GSP: Generalized System of Preferences) ที่ทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ เผชิญอัตราภาษีนำเข้าที่กลับมาสู่อัตราปกติ (MFN) โดยอัตโนมัติตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสินค้าส่งออกที่มีอัตราภาษีเปลี่ยนไปมาก ได้แก่ กุญแจรถยนต์ มอเตอร์ อาหารปรุงแต่ง เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่เป็นเซรามิกส์ วาล์วสำหรับยางใน ของที่ทำด้วยพลาสติก ลิ้นจี่กระป๋อง แผงควบคุมไฟฟ้า กรดซิทริก มะม่วงหิมพานต์ ซอสปรุงรส เครื่องยนต์สันดาปภายใน และของใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำด้วยเหล็กไม่เป็นสนิม ทั้งนี้ หากไทยขาดช่วงสิทธิ GSP ไม่เกิน 6 เดือน คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ อย่างไม่มีนัยสำคัญ แต่ถ้าหากขาดช่วงยาวนานกว่านั้น ก็อาจจะทำให้การส่งออกสินค้าในกลุ่มดังกล่าวไปสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า

การบังคับใช้กฎระเบียบที่เกี่ยวกับเงื่อนไขการผลิต การค้า และการนำเข้ารถยนต์ (Decree 116/2017/NC-CP) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2561 ของเวียดนาม ซึ่งในเนื้อหาได้มีการบังคับให้ผู้นำเข้าต้องเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ การนำเข้าทุกครั้งต้องมีการสุ่มตรวจคุณภาพรถยนต์ก่อนวางจำหน่ายในประเทศ นอกจากนี้ ผู้นำเข้ายังต้องได้เอกสารรับรองจากประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม รวมถึงจากหน่วยงานภาครัฐของเวียดนาม ดังนั้น การบังคับใช้กฎระเบียบนี้จะทำให้การนำเข้ารถยนต์มีความยุ่งยาก มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และใช้เวลาในการตรวจสอบคุณภาพก่อนวางจำหน่ายนานขึ้น แม้เวียดนามจะมีการปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์นั่งและรถปิคอัพ (รวมรถบัสและรถบรรทุก) จากอัตรา 30% และ 5% ในปี 2560 มาเป็น 0% ในปี 2561 สำหรับการนำเข้าจากกลุ่มประเทศในอาเซียนแล้วก็ตาม ทั้งนี้ ในปี 2560 ไทยมีการส่งออกรถยนต์นั่ง รถปิคอัพ รถบัส และรถบรรทุกไปเวียดนามคิดเป็นมูลค่า 589.5 ล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็นสัดส่วน 3.3% ของมูลค่าการส่งออกรถยนต์นั่ง รถปิคอัพ รถบัส และรถบรรทุกทั้งหมดของไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ