(เพิ่มเติม) รมว.พาณิชย์ เห็นพ้องตั้งคณะทำงานร่วมรัสเซียเชื่อมโยงการลงทุน-เตรียมนำนักธุรกิจรัสเซียลงพื้นที่ EEC

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 22, 2018 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ได้กล่าวถึงผลการหารือกับนายอเล็กเซย์ กรูซเดียฟ รมว.พัฒนาเศรษฐกิจสหพันธรัฐรัสเซีย ว่า รัสเซียได้นำคณะนักธุรกิจชั้นนำรัสเซียขนาดใหญ่เกือบ 50 บริษัทในสาขาสำคัญ ได้แก่ การขนส่งและโลจิสติกส์ พลังงาน สารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัล เวชภัณฑ์ ไบโอเทคโนโลยี เกษตรและอาหาร และการเงิน มาเยือนไทยเพื่อหาลู่ทางการขยายการค้ารวมทั้งให้ความสนใจเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนในโครงการ EEC ของไทย

ทั้งสองฝ่ายยังมีโอกาสและศักยภาพขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันได้อีกมากในสาขาใหม่ๆ โดยเฉพาะในสาขาที่กลุ่มนักธุรกิจรัสเซียได้เดินทางเยือนไทยในครั้งนี้ เป็นกลุ่มธุรกิจที่สนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ไทยต้องการให้มีการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมสองฝ่ายเพื่อเชื่อมโยงโครงการ EEC ของไทยกับโครงการพัฒนาของรัสเซียเพื่อดูแลเชื่อมโยงเรื่องการลงทุนและกำหนดแผนดำเนินงานที่จะเกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป โดยคณะนักธุรกิจรัสเซียจะลงพื้นที่จริงดูงานโครงการ EEC ในวันที่ 22 ก.พ. 61

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับฝ่ายรัสเซียและหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องได้จัดกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญ และแนวนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเข้ามาขยายการค้าและการลงทุนในไทย เช่น การจับคู่ธุรกิจ การสัมมนา Russian-Thailand Business Forum และ Round Table Discussion ซึ่งมีนักธุรกิจฝ่ายไทยสนใจเข้าร่วมกว่า 100 หน่วยงาน เมื่อวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในปี 2560 ไทยและรัสเซียมีมูลค่าการค้ารวม 3,130 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 61 โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ถ่านหิน พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ และเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค

นอกจากนี้นายอเล็กเซย์ กรูซเดียฟ รมช.พัฒนาเศรษฐกิจสหพันธรัฐรัสเซีย ได้นำคณะนักธุรกิจรัสเซีย เข้าเยี่ยมคารวะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล

นายอเล็กเซย์ กล่าวว่า คณะของรัสเซียที่มาเยือนไทยครั้งนี้มีทั้งภาครัฐและบริษัทชั้นนำมากกว่า 50 บริษัท อาทิ ธนาคารSberbank ธนาคาร Vneshekonombank บริษัท Rostec Corporation บริษัท JSC Ilyushin Finance Co. เป็นต้น จึงนับได้ว่าคณะรัสเซียที่มาเยือนไทยครั้งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดมากเป็นประวัติกาณ์ สะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียมีความมุ่งมั่นที่จะสานสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไทยให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรัสเซียยังมองเห็นศักยภาพทางด้านการลงทุนในไทยทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหรรมป้องกันประเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ ไซเบอร์ รวมทั้งรัสเซียยังยินดีร่วมมือกับธนาคารของไทยในการจัดตั้งกองทุน Innovation Fund เพื่อช่วยให้เกิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือ startup ที่มีแนวคิดที่สร้างสรรค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ด้านนายสมคิด กล่าวว่า คณะนักธุรกิจชั้นนำของรัสเซียมาเยือนไทย ระหว่างวันที่ 21-22 ก.พ. 61 เพื่อศึกษาการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ที่รัฐบาลไทยต้องการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาค โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงซึ่งสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของรัสเซียที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงทางด้านการป้องกันประเทศ ไซเบอร์ ระบบราง โทรคมนาคม การบิน เป็นต้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัสเซียจะเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าวในอนาคต

"การที่รัสเซียเข้ามาหาเราเป็นสัญญาณที่ดีว่า ต่างชาติเห็นว่าเรามีศักยภาพพอที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เขาสนใจ EEC มาก และบอกว่าไม่ใช่แค่เพียงทำการค้ากับเราเท่านั้น แต่ต้องการเป็น statigic partner และพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้" นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ การพูดคุยกันครั้งนี้กลุ่มธนาคารรัสเซียได้เสนอแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรม โดยระดมทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน ไม่ใช่แค่การให้สินเชื่อเพียงอย่างเดียว

นายสมคิด กล่าวว่า ในช่วงเดือนพ.ค. 61 จะนำคณะเดินทางไปรัสเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมทางเศรษฐกิจที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยจะมีการหารือในรายละเอียดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งจะได้เรียกประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดประเด็นที่จะไปหารือกับทางรัสเซียอย่างตรงไปตรงมาว่าเรื่องใดภาครัฐกับภาครัฐต้องคุยกัน หรือเรื่องใดต้องให้ภาคเอกชนคุยกันเอง

นายสมคิด ระบุว่า ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากยอดส่งออกและนำเข้าในเดือน ม.ค.ซึ่งขยายตัวสูงกว่าปกติ ซึ่งเชื่อว่าการขยายตัวในปีนี้จะดีกว่าปีก่อน โดยต้องเร่งส่งเสริมเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวแบบยกกำลัง ส่วนที่เห็นว่ายังมีปัญหาอยู่คือการลงทุนภาครัฐที่ยังล่าช้า ซึ่งจะได้สอบถามทางกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับกฎหมายจัดซื้อจ้างว่ามีอุปสรรคอย่างไรบ้าง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ