"ลีสซิ่งกสิกรไทย"คาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ปีนี้แตะ 1 ล้านลบ. โต 5.5% ชะลอลงจากปีก่อน, NPL แนวโน้มทรงตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 22, 2018 14:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 61 แนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ คาดว่าจะขยายตัวเป็นบวกในอัตราที่ชะลอลงมาที่ระดับประมาณ 5.5% เป็นแตะ 1 ล้านล้านบาท หลังจากในปี 60 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.99% หรือคิดเป็น 9.5 แสนล้านบาท

ปัจจัยบวกหลักจากตลาดรถใหม่ที่คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลง ประกอบกับสถาบันการเงินมีแนวนโยบายด้านมาตรฐานการให้สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น ขณะที่แนวโน้ม NPLs (หนี้ค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) ของสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มมีสัญญาณทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 3 ปีติดกัน (55-57) โดยมีทิศทางที่ชะลอลงมาตั้งแต่ปี 58

สำหรับในปี 61 ลีสซิ่งกสิกรไทยจะมุ่งเน้นการตลาดเชิงรุก ชูจุดแข็งด้านการขยายฐานลูกค้าร่วมกับธนาคารกสิกรไทยทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคลและธุรกิจ ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์/ดิจิทัลและกระบวนการภายในเพื่อสามารถวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆได้อย่างตรงจุด ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการสินเชื่อ การอนุมัติสินเชื่อและบริการหลังการขายอย่างครบวงจร เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่จะศึกษาข้อมูลสินเชื่อออนไลน์ก่อนเลือกรถที่โชว์รูมหรือสมัครใช้บริการ

ขณะเดียวกัน การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์/ดิจิทัล ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อรถทุกประเภทให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย ที่เป็นสินเชื่อเพื่อลูกค้าที่มีรถยนต์และต้องการเงินทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่องทางการเงิน จากความสะดวกในการเข้าตรวจสอบวงเงินสินเชื่อเบื้องต้น ความสามารถในการผ่อนชำระ และค่างวดผ่อนต่อเดือนที่แน่นอน รวมถึงการสมัครบริการออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจขอสินเชื่อเบื้องต้นสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ยังคงมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตในปีนี้ และผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ในการทำการตลาดร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 61 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศน่าจะสามารถทำยอดขายได้ 900,000 คัน หรือคาดว่าจะขยายตัว 3% เมื่อเทียบกับปี 60 โดยประเภทรถที่คาดว่าจะขายได้ดีอย่างต่อเนื่องจากปี 60 คือ รถยนต์นั่งในเกือบทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก รวมไปถึงรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ และรถยนต์หรู ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคหลายรุ่น ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์คาดว่ากลุ่มที่น่าจะยังดีจะเป็นรถกระบะ 4 ประตู เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ผู้ซื้อมีระดับรายได้ค่อนข้างดี

แม้ว่ากำลังซื้อของประชาชนในกลุ่มฐานรากยังคงมีแรงกดดัน แต่จากสถานการณ์ตลาดพบว่ามีหลากหลายปัจจัยที่เริ่มบ่งชี้ให้เห็นทิศทางที่จะเป็นบวกต่อยอดขายรถยนต์ในปี 61 มากขึ้น ได้แก่ การทยอยขายรถเพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ในโครงการรถคันแรกที่ถือครบกำหนด 5 ปี การเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

ส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนภาคเอกชน และภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น การท่องเที่ยวในประเทศที่ยังคงขยายตัว และธุรกิจ e-commerce ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้มีความต้องการใช้บริการขนส่งที่มากขึ้น ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มทรงตัวในปี 61 เป็นผลเชิงบวกให้สถาบันการเงินไม่ต้องเพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งนี้ ในปีนี้ คาดว่าตลาดรถทั้งมือหนึ่งและมือสองน่าจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ใหม่บ้าง เนื่องจากรถจากโครงการรถคันแรกที่จะทยอยออกมาสู่ตลาดมือสองนั้น ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถปิกอัพ ซึ่งเป็นประเภทรถที่ได้รับความนิยม

ด้านผลประกอบการในปี 60 สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 84,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.47% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่งและสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียน 40,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.15% และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 44,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.01% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding Loan) มียอดรวม 97,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 7.01% ทั้งนี้ บริษัทมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.52% ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 1,080 ล้านบาท เติบโต 31.69%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ