น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะนักธุรกิจไทยรายใหญ่เข้าร่วมงาน UP investors Summit 2018 ณ เมืองลัคเนาว์ รัฐอุตตรประเทศ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.61 โดยมีนายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย เป็นประธาน ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ รัฐอุตตรประเทศตั้งเป้าเป็นจุดหมายการลงทุนสำหรับนักลงทุนชาวอินเดียและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะในสาขาเกษตรและการแปรรูปอาหาร สิ่งทอ ภาพยนต์ พลังงานทดแทน การท่องเที่ยว MSME อุตสาหกรรมนม IT และ ITeS อิเล็กทรอนิกส์ และการบิน ซึ่งรัฐอุตตตรประเทศได้ชูจุดเด่นด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานระดับโลก ทำเลที่ตั้งที่อยู่บนเส้นทางระเบียงอุตสาหกรรมเดลี-มุมไบ และระเบียงอุตสาหกรรมอมาริสา-กัลกัตต้า แรงงานมีฝีมือที่คิดเป็น 56% ของประชากรรัฐอุตตรประเทศที่มีอยู่ 220 ล้านคน ตลอดจนนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุน และถือโอกาสนี้เปิดตัว Single window ภายใต้ชื่อ Nivesh Mitra เพื่อเป็นช่องทางการขออนุญาตประกอบธุรกิจหรือลงทุนผ่านระบบออนไลน์
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของรัฐอุตตรประเทศ ทั้งการเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย โดยคิดเป็น 16.5% ของประชากรอินเดีย การเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ อาทิ ข้าว อ้อย มันฝรั่ง และธัญพืชสำคัญมากมาย ที่ผู้บริโภคชาวอินเดียและนานาชาตินิยม จึงขอให้ใช้ข้อได้เปรียบนี้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างอุตสาหกรรมชุมชน ตามนโยบาย one district one product
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดียยังขอให้รัฐอุตตรประเทศตั้งเป้าหมายการเป็นรัฐที่มีเศรษฐกิจมูลค่าล้านล้านเหรียญสหรัฐ (Trillion-Dollar Economy) เช่นเดียวกับรัฐมหาราษฏระ โดยมองว่าการแข่งขันระหว่างรัฐทั้งสองจะส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันของทั้งสองรัฐ
น.ส.ชุติมา กล่าวเสริมว่า ภายในงานได้มีนักธุรกิจรายใหญ่ของอินเดีย นำเสนอแนวทางการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจในรัฐอุตตรประเทศ อาทิ นาย Mukesh Ambani ประธานกลุ่ม Reliance นาย Gautam Adani ประธานกลุ่ม Adani และนาย Kumar Mangalam Birla ประธานกลุ่ม Aditya Birla โดยคาดว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า กลุ่มทุนเหล่านี้จะสร้างการลงทุนในรัฐอุตตรประเทศไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกิดการจ้างงานกว่า 30,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ภายในงาน UP Investors Summit 2018 ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจกว่า 1,045 ฉบับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐ