ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.45/48 สัปดาห์หน้ายังมีโอกาสแข็งค่าต่อ มองกรอบ 31.40-31.60

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 23, 2018 17:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.45/48 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.49 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ ไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากวันนี้ตลาดขาดปัจจัยใหม่ที่น่าสนใจ หลังจาก ล่าสุดที่เพิ่งมี feedback กับรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) โดย สัปดาห์หน้าคงต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของแต่ละประเทศ ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป

"วันนี้บาทแกว่งแคบๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีปัจจัยอะไรมาก เพราะเพิ่งผ่านเรื่องรายงานของ FED ไป" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.40-31.60 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังมี ทิศทางที่แข็งค่า

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นเงินเยนอยู่ที่ระดับ 106.80 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 106.80 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2300 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2320 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,808.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.43 จุด (+1.09%) มูลค่าการซื้อขาย 58,519 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,785.63 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/61 มีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส
4/60 ที่เติบโต 4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจขยายตัวในทุกหมวดเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการใช้จ่ายใน
ประเทศน่าจะปรับตัวดีขึ้นมากในช่วงตรุษจีนที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก
  • บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์เดือนม.ค.มีปริมาณการขาย 66,545 คัน
เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น
โดยการส่งออกมีการเติบโตสูงสดุ ในรอบ 6 ปีอยู่ที่ 9.9% และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นโดยมีการขยายตัวอยู่ที่ 8.8% ส่งผลให้ดัชนี
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมกราคมอยู่ที่ระดับ 80% ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 36 เดือน ประกอบกับยังคงมีการทยอยส่งมอบ
รถยนต์ที่จองไว้ในงาน Motor Expo ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลในเชิงบวกกับตลาดรถยนต์ในเดือนม.ค.
  • ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุว่า ทิศทางค่าเงินบาทที่ยังคงผันผวนอย่าง
ต่อเนื่องนั้น เป็นผลมาจากปัจจัยนอกประเทศเป็นหลัก จากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ การคาดการณ์เกี่ยวกับ
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเป็นประวัติศาสตร์ที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของ
ไทย รวมถึงปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยและอาเซียนที่ยังแข็งแกร่งทำให้ได้เห็นเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
  • คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คาดว่าประเทศไทย
จะเริ่มเห็นการใช้ระบบ 5G เกิดขึ้นในปลายปี 63 แนะ 10 ภาคธุรกิจปรับตัวรับเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาพร้อม 5G
  • นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐยืนยันว่า นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะช่วยให้ค่าแรง
ในสหรัฐเพิ่มขึ้นโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ โดยเชื่อว่านโยบายลดภาษีจะเป็นผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างแน่นอน พร้อม
กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปธน.ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ก็เพราะชนชั้นกลางในประเทศมีการเติบโตทางค่าจ้างเพียงน้อยนิด
  • สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ใน
วันนี้ โดยคาดว่าจะเป็นการประกาศคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยประกาศต่อเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้การที่เกาหลีเหนือยังไม่
เลิกโครงการนิวเคลียร์ การประกาศดังกล่าวคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงสายๆ ของวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หลังจากนั้นกระทรวงการคลังสหรัฐ
จะออกมาให้รายละเอียดเพิ่มเติม
  • สัปดาห์หน้าจะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจของประเทศรายใหญ่ ดังนี้ สหรัฐ รายงานตัวเลข GDP ไตร

มาส 4/2560 (ประมาณการครั้งที่ 2),ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.โดยคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่าง

งานรายสัปดาห์ ส่วนสหภาพยุโรป จะมีการรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ., ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ก.พ., ดัชนีราคา

ผู้บริโภค (CPI) เบื้องต้นเดือนก.พ. และอัตราการว่างงานเดือนม.ค. เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ