ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.21 วอลุ่มเบาบาง ตลาดรอติดตามความเห็นทิศทางเศรษฐกิจของกนง.สัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 23, 2018 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.21 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากช่วงเช้าที่ระดับ 31.31 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบไม่เกิน 10 สตางค์ เนื่องจากไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางของค่าเงินบาท มากนัก ขณะที่ปริมาณการซื้อขายยังเบาบาง ซึ่งตลาดรอจับตาดูมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ประกอบกับรอดู แถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะให้มุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2561 อย่างไร แต่ในส่วนของ อัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น เชื่อว่ายังคงไว้ระดับเดิมที่ 1.50%

"วันนี้วอลุ่มเบาบาง บาทยังเคลื่อนไหวแคบๆ ต้องรอดูว่าสัปดาห์หน้าหลังประชุม กนง.แล้วจะมีการให้ความเห็นเกี่ยวกับ เศรษฐกิจไทยอย่างไร เพราะหากมีการปรับประมาณการ GDP และปรับอัตราเงินเฟ้อปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม ก็อาจจะมีส่วนทำให้บาทปรับ แข็งค่าขึ้นได้" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10 - 31.40 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.87 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 104.89 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2327 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2332 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,794.21 จุด ลดลง 4.34 จุด (-0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 50,683 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 648.90 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคาร ซี ไอเอ็มบี ไทย รอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 28 มี.ค.ซึ่งคาดว่ากนง.จะคง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อ
เนื่องในการประชุม กนง. รอบที่สองของปี 2561 ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องของการขยายตัวเศรษฐกิจไทย
ท่ามกลางความเสี่ยงจากนอกประเทศโดยเฉพาะความเสี่ยงในการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอันอาจกลายเป็นปัจจัย
กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งศึกษาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม
ของไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) หรือเดิม
ใช้ชื่อว่า TPP
  • กระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับ
รวมราคาอาหารสด ปรับตัวขึ้น 1% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ประกาศจับตาผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์
ทรัมป์ของสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
  • กระทรวงพาณิชย์จีน เรียกร้องสหรัฐยุติสถานการณ์อันล่อแหลม และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ทำให้ความสัมพันธ์
ทางการค้าระหว่างสองประเทศตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้
เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ โดยการ
บีบให้บริษัทต่างชาติถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่บริษัทจีน เพื่อแลกกับการเข้าไปทำธุรกิจในจีน
  • ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่าเป็น
มาตรการที่จะปกป้องความมั่นคงของชาตินั้น ได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ โดยอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา สหภาพ
ยุโรป เม็กซิโก และเกาหลีใต้ จะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีดังกล่าวจนถึงวันที่ 1 พ.ค.
  • วุฒิสภาสหรัฐลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 65 ต่อ 32 ก่อนที่
จะส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
  • สัปดาห์หน้ามีข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.), การปรับประมาณ
การอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 61 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
  • ส่วนข้อมูลทางฝั่งสหรัฐที่น่าสนใจ เช่น รายงาน GDP ไตรมาส 4/2560, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.โดยคอน

เฟอเรนซ์ บอร์ด, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ