นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 31.33 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เปิดตลาดเช้าอยู่ที่ 31.26 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเนื่องจากมีเงินทุนไหลออก ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวใน กรอบ 31.25-31.33 บาท/ดอลลาร์
"บาททยอยอ่อนค่าต่อเนื่องในช่วงบ่าย หลังหลุด 31.30 บาท/ดอลลาร์ ก็ไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 31.30 บาท/ ดอลลาร์ได้ น่าจะเป็นผลจากมี flow ไหลออก" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดวันจันทร์เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.40 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 107.65 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.70 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.2297 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2338 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,801.28 จุด เพิ่มขึ้น 6.34 จุด, +0.35% มูลค่าการซื้อขาย 71,339.62 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,151.97 ลบ.(SET+MAI)
- สัปดาห์หน้าจะมีการรายงานตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของไทยเดือนมีนาคม 2561
- กระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 2 วงเงิน
30,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.15% ต่อปี และ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00%ต่อปี เปิดจำหน่ายตั้งแต่วัน
ที่ 10 พฤษภาคม – 10 กันยายน 2561 กำหนดวงเงินซื้อต่อราย 1,000 บาทขึ้นไป ไม่จำกัดวงเงินซื้อขั้นสูง
- ธนาคารกรุงไทย (KTB) รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนิน
งาน (ก่อนสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญฯ และภาษีเงินได้) อยู่ที่ 15,995 ล้านบาท ลดลง 13.11% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/60
และมีกำไรสุทธิ 6,787 ล้านบาท
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เผยว่าธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิ 10,766 ล้าน
บาท เพิ่มขึ้น 5.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 อยู่ที่ระดับ 9,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากไตรมาส
1/60
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงผลการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ไตรมาส 1/61 พบว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจด
ทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ ไตรมาส 1/2561 (ม.ค.-มี.ค.) จำนวน 20,049 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส
4/2560 (ต.ค.-ธ.ค.) จำนวน 18,905 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 1,144 ราย คิดเป็น 6% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2560
จำนวน 18,802 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 1,247 ราย คิดเป็น 7%
- นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนให้ผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย
หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกีดกันการค้า ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้า
รายสำคัญของจีน
- กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังพิจารณาการใช้อำนาจตามที่ระบุไว้ในกฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉิน
ระหว่างประเทศปีค.ศ. 1997 (International Emergency Economic Powers Act of 1997) เพื่อสกัดกั้นการลงทุนด้าน
เทคโนโลยีของจีนในสหรัฐ และป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
- เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐเปิดเผยว่า จีนพร้อมใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐยังคงยืนยันที่จะทำสงคราม
การค้าต่อไป