"มอนซานโต้" หวังประเทศแอฟริกันปลูกพืชจีเอ็มโอมากขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Friday October 9, 2009 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มอนซานโต้ ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรายใหญ่ที่สุดของโลก แสดงความคาดหวังว่าประเทศในแอฟริกาจะปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ให้มากกว่านี้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงที่ภูมิภาคดังกล่าวกำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน

นาตาลี ดีนิโคลา ผู้อำนวยการแผนกนโยบายสาธารณะและผลผลิตที่ยั่งยืนของมอนซานโต้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศบูร์กินาฟาโซมีแผนเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกต้นฝ้ายกันแมลงของมอนซานโต้ขึ้น 2 เท่าในปีหน้า จากปีนี้ที่มีพื้นที่เพียง 129,000 เฮคเตอร์ (318,766 เอเคอร์) ขณะเดียวกันมอนซานโต้ก็มีแผนนำข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมที่ทนต่อความแห้งแล้งไปเปิดตัวในภูมิภาคใต้ทะเลทรายซาฮาราภายในปี 2560

องค์การอาหารและการเกษตร (FAO) ของสหประชาชาติกล่าวว่า การทำเกษตรในประเทศกำลังพัฒนาต้องใช้เงินลงทุนถึง 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับการผลิตอาหารให้ทั่วโลกภายในปี 2593 ดังนั้นมอนซานโต้จึงพยายามสนับสนุนให้มีการใช้เมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้น และเพื่อเพิ่มกำไรของบริษัทให้ได้ 2 เท่าในปี 2555 จากปี 2550

"เทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมพืชจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากพวกเขาต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนอาหารมาเลี้ยงประชากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว" ทาคากิ ชิเงโมโตะ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัทวิจัย TOS ในโตเกียว กล่าว "การผลิตพืชผลได้มากขึ้นแม้มีทรัพยากรน้ำจำกัดจะดึงดูดใจพวกเขาอย่างแน่นอน"

องค์การอาหารและการเกษตร กล่าวไว้เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมาว่า ผลผลิตทางการเกษตรของประเทศกำลังพัฒนาอาจลดลงราว 9-21% อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน โดยภูมิภาคที่ยากไร้และมีปัญหาเรื่องความอดอยากมากที่สุดจะเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ