Analysis: "สี จิ้นผิง" และ "โดนัลด์ ทรัมป์" พบกันเร็วไปหรือไม่?

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 4, 2017 16:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีกำหนดพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่ายที่ไม่คิดว่า การพบกันของสองผู้นำจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมองว่า การพบกันดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และยังแสดงให้เห็นถึงความต้องการของทั้งสองฝ่ายที่จะเจรจาร่วมกันในระดับผู้นำ

เดวิด เดอนูน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า เป็นเรื่องดีที่ปธน.ทรัมป์และปธน.สีพบกันเร็ว เพราะผู้นำทั้งสองจะได้ทำความรู้จักกันและกัน เพื่อที่การตั้งสมมติฐานผิดๆ เกี่ยวกับเจตนาของอีกฝ่ายจะได้ลดลงตามไปด้วย

ในสายตาของเดวิค กอสเส็ท ซึ่งเป็นนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชื่อดังชาวฝรั่งเศส มองว่า การพบกันระหว่างสองผู้นำในช่วง 100 วันแรกของรัฐบาลชุดใหม่สหรัฐนั้น บ่งชี้ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักว่า ความร่วมมือและการประสานงานระหว่างจีนและสหรัฐถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

ทางด้าน หยวน เผิง นักวิจัยจากสถาบัน China Institute of Contemporary International Relations (CICIR) ย้ำว่า ในการเจรจาระหว่างผู้นำระดับสูงนั้น ไม่มีช่องทางการสื่อสารใดที่จะสำคัญมากไปกว่า "การเจรจาแบบตัวต่อตัว"

ส่วนโรเบิร์ต ฮอร์มัทส์ รองประธานสมาคมคิสซิงเจอร์ เชื่อว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้นำประเทศจะต้อง "มีเคมีที่ดีต่อกัน"

การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังประชาชนว่า "ทั้งสองประเทศไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เป็นปรปักษ์ต่อกัน และจะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ผ่านการเจรจาที่สร้างสรรค์" นายฮอร์มัทส์กล่าวกับซินหัว

สำหรับเจีย ชิงกัว คณบดีคณะวิเทศศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มองว่า นับเป็นโอกาสดีที่ทรัมป์จะได้ชี้แจงนโยบายของตนที่มีต่อประเทศจีน เพราะหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถร่างโร้ดแมพได้เร็ว ความไม่เชื่อใจก็อาจจะยิ่งเพิ่มทวีคูณ

ส่วนเอเวอรี โกลด์สไตน์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ชาวสหรัฐ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า การพบกันครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะจะช่วยวางโร้ดแมพสำหรับการเดินหน้าความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ และความร่วมมือกันระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก

โกลด์สไตน์กล่าวต่อไปว่า ทรัมป์อาจจะยังไม่มีนโยบายจีนที่ครอบคลุมรอบด้าน ในขณะที่ทีมงานด้านต่างประเทศของเขาเพิ่งจะเป็นรูปเป็นร่าง และมองว่า ทรัมป์กำลังเปลี่ยนยุทธวิธีจากที่เคยกล่าวถึงจีนอย่างแข็งกร้าว มาเป็นวิธีที่เน้นการปฏิบัติมากขึ้น

ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำจีนเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมานั้น ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อจีน พร้อมให้คำมั่นว่าจะยึดมั่นในนโยบายจีนเดียว ซึ่งถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ รวมทั้งจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับจีน

กอสเส็ท นักวิชาการชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Euro-China Forum กล่าวว่า สหรัฐและจีนต่างรู้ดีว่า ความร่วมมือของสองประเทศมีความจำเป็นต่อการรับมือกับความท้าทายต่างๆทั่วโลก ทั้งยังจำเป็นต่อการดำรงไว้ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจและสันติภาพของโลก

นายหยวน นักวิชาการของ CICIR กล่าวตบท้ายว่า ทั่วโลกจะได้รับอานิสงส์อย่างมาก หากสหรัฐและจีนสามารถกำหนดรูปแบบความร่วมมือที่เป็นบวกได้

หลิว เฉิน จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ