ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม เฟดได้ระบุว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกเกิดจากปัจจัยชั่วคราว และเฟดจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจต่อการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่าความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ได้ลดน้อยลง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยระบุว่ามีการขยายตัวเพียง 0.2% เทียบกับระดับ 2.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และ 5% ในไตรมาส 3
การชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจลดการลงทุน ขณะที่การส่งออกดิ่งลง และผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
เฟดยังระบุว่า ถึงแม้การขยายตัวและการจ้างงานได้ชะลอลง แต่เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมามีการขยายตัวปานกลาง และตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้นจากการที่เฟดใช้นโยบายที่ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม
เฟดย้ำว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อเฟดมีความเชื่อมั่นว่าภาวะเงินเฟ้อจะปรับตัวกลับสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวขึ้น
แถลงการณ์เฟดระบุว่า กรรมการเฟดมองว่าความเสี่ยงต่อแนวโน้มมีความสมดุล ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเฟดไม่ได้มีความวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรก
นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะยังคงมีการขยายตัวในระดับปานกลาง และเงินเฟ้อจะค่อยๆปรับตัวกลับขึ้นสู่ระดับ 2%