สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,280.20 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองร่วงลง 1.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งในสัปดาห์นั้น สัญญาทองร่วงลงไปถึง 2.09%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 2.9 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 19.386 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 80 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 1,418.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 887.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองดีดขึ้น หลังจากที่ร่วงลงไปแล้วกว่า 3% นับตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด
สำหรับภาวะการซื้อขายในวันศุกร์นั้น นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมที่แจ็คสัน โฮล เพื่อที่จะดูท่าทีที่ชัดเจนของเฟดเกี่ยวกับนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าเจเน็ต เยลเลน ยังคงสงวนท่าทีต่อการแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว และไม่ได้ระบุถึงช่วงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งเป็นประเด็นที่ตลาดติดตามอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของสถานการณ์ความขัดแย้งล่าสุดระหว่างยูเครนและรัสเซียนั้นดูเหมือนว่าจะกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อรถบรรทุกมากกว่า 150 คันได้ลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากรัสเซียข้ามพรมแดนมายังยูเครน และมุ่งหน้าไปยังเมืองลูฮานสก์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากรัฐบาลยูเครน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศยูเครนได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำอันรุกรานและไตร่ตรองไว้ก่อนของทางฝั่งรัสเซีย
ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนหนึ่งซื้อทองในยามที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะเชื่อว่าทองจะไม่เสื่อมค่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ขณะที่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งมองว่า ราคาทองจะปรับตัวลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น และอาจทำให้มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด