สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งตลอด 4 วันที่ผ่านมา
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ระดับ 1,341.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ราคาทองปรับตัวขึ้น 2.4%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 28.9 เซนต์ หรือ 1.44% ปิดที่ 19.81 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.55% ปิดที่ 1,057.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.95 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 706.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำวันศุกร์ได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่ราคาทองพุ่งแรงวันก่อน ขานรับคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50%
อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ในการประชุมล่าสุดของเฟดได้ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ระบุในแถลงการณ์ว่าว่า "ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น"
ทั้งนี้ นักลงทุนเชื่อว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 0.50-0.75% ในการประชุม FOMC เดือนธ.ค.นี้ โดยความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย. อยู่ที่ 12% เดือนธ.ค.อยู่ที่ 54% และเดือนก.พ. อยู่ที่ 57%
นอกจากนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นได้ถ่วงภาวะตลาดในวันศุกร์เช่นกัน โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเปรียบเทียบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ปรับตัวขึ้น 0.09% แตะที่ 95.46 จุด เมื่อเวลา 2.30 น.ของวันเสาร์ โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานในวันศุกร์นั้น มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. ของสหรัฐ ลดลงแตะ 51.4 จาก 52.0 ในเดือนส.ค. ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ บ่งชี้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนนี้ ซึ่งข้อมูลที่อ่อนแอนี้เป็นปัจจัยพยุงราคาทองไม่ให้ร่วงลงรุนแรง