ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $2.3 นักลงทุนแห่ซื้อทองหลังหุ้นร่วง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 30, 2016 07:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารดอยซ์ แบงก์ และธนาคารรายอื่นๆ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ระดับ 1,326.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.7 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 19.188 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ 1,030.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 719.50 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำอีกครั้ง เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 200 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของดอยซ์ แบงก์ นับตั้งแต่ที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นวงเงินสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS)

ขณะที่ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก กำลังเผชิญวิกฤตด้านความน่าเชื่อถือ หลังจากพนักงานของธนาคารได้เปิดบัญชีลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชี เพื่อจะเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายจอห์น สตัมฟ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวลส์ ฟาร์โก ได้ถูกคณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐทำการสอบสวนรอบใหม่ พร้อมกับกดดันให้เวลส์ ฟาร์โก รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเช่นทองคำ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.4% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 108.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ขยายตัว 1.4% โดยสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 1.1% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ