สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,255.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 17.509 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 15.6 ดอลลาร์ หรือ 1.62% ปิดที่ 949.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 20.40 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 648.15 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลง เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่านั้น มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า เฟดมีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน มีโอกาสน้อยลงที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นสู่ 75% จากเดิมที่ 65% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และโอกาสที่นายทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งได้ลดลง โดยเหลือเพียง 10-20% จากระดับ 30-35% ในการสำรวจเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของเฟด ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 12 ต.ค.ตามเวลาสหรัฐ เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจครั้งที่ 60 ของเฟดสาขาบอสตัน ในวันศุกร์ที่ 14 ต.ค.นี้ตามเวลาสหรัฐ