ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ดอลลาร์ดีดตัว กดทองคำปิดลบ 80 เซนต์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 19, 2017 06:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ดีดตัวขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันศุกร์นี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 80 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 1,212.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่พุ่งขึ้นถึง 1.4% ในวันอังคาร

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 12.6 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 17.274 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 11.2 ดอลลาร์ หรือ 1.14% ปิดที่ 971.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 751 ดอลลาร์/ออนซ์

ขณะดัชนีดอลลาร์ ซึ่งติดตามความเคลื่อนของสกุลดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบ 6 สกุลเงินหลัก ปรับตัวขึ้น 0.49% สู่ระดับ 100.79 โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน ขณะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลักเมื่อคืนนี้ หลังจากอ่อนค่าในการซื้อขายเมื่อวันก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน ก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันศุกร์นี้

ทั้งนี้ในการซื้อขายวันอังคาร ดอลลาร์สหรัฐได้อ่อนค่าลง หลังจากนายทรัมป์ระบุว่าบริษัทสหรัฐไม่สามารถแข่งขันกับจีนได้ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับสกุลหยวน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลของเขาจะยกเลิกนโยบายสนับสนุนดอลลาร์แข็งค่าของรัฐบาลชุดปัจจุบันของสหรัฐ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการรายงานในวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของเฟด และเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2014 และเป็นครั้งแรกที่ดัชนี CPI พุ่งทะลุ 2% นับตั้งแต่ปี 2014 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย.

ดัชนี CPI ดังกล่าวบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมดีดตัว 0.8% ในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่ลดลง 0.7% ในเดือนพ.ย.

การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธ.ค. ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของภาคสาธารณูปโภคที่ทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1989

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐยังได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ในวันเดียวกัน โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราปานกลางเกือบทั่วทุกภูมิภาค ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ย.จนถึงสิ้นปี

ในวันเดียวกัน สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด แตะระดับ 67 ในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนธ.ค.

ถึงแม้ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลงในเดือนนี้ แต่ผู้สร้างบ้านบางส่วนก็ยังคงมีความเชื่อมั่นว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรมตามที่เขาได้สัญญาไว้

ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์หลังจากที่ตลาดทองคำปิดทำการ

โดยนางเยลเลนกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงบ่ายวันพุธตามเวลาสหรัฐ ระบุเศรษฐกิจสหรัฐเข้าใกล้เป้าหมายของธนาคารกลาง ทั้งในเรื่องการจ้างงานและราคาเงินเฟ้อ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งจะเปิดทางให้เฟดสามารถเริ่มลดระดับการให้การสนับสนุนที่ดำเนินการตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลงได้ นอกจากนี้ ประธานเฟดยังระบุด้วยว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นการปรับขึ้นทีละนิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ