สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) เนื่องจากภาวะการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทะลุแนวต้านที่ระดับ 20,000 จุดติดต่อกัน 2 วันทำการนั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 8 ดอลลาร์ หรือ 0.67% ปิดที่ระดับ 1,189.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 16.85 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดทรงตัวที่ระดับ 981.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 11.65 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 724.45 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งติดตามความเคลื่อนของสกุลดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบ 6 สกุลเงินหลัก ปรับตัวขึ้น 0.48% แตะที่ 100.40 เมื่อคืนนี้ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 20,000 จุดติดต่อกัน 2 วันทำการ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ขณะที่ข้อมูลภาคบริการที่สดใสของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำเช่นกัน โดยบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 55.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 หลังจากอยู่ที่ระดับ 53.9 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ