สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และหลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,225.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 6.8 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 17.889 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,002.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 5.95 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 780.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.23% แตะที่ 101.25 เมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยลบหลังจากนางเยลเลนได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า "ในการประชุมครั้งต่อๆไป คณะกรรมการเฟดจะประเมินดูว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปก็จะมีความเหมาะสม" นางเยลเลนกล่าว
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังระบุว่า ถึงแม้เฟดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเพื่อรักษานโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่การทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวกลับสู่ระดับปกติก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ
สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2012