สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ ได้กดดันให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 10 ดอลลาร์ หรือ 0.80% ปิดที่ระดับ 1,246.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 7.5 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 16.572 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 12.8 ดอลลาร์ หรือ 1.38% ปิดที่ 916.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 7.30 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 863.95 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มโทรคมนาคม
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกลุเงินดอลลาร์ หลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายวิลเลียมส์ ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ต่างก็ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ เพื่อหนุนการขยายตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นายวิลเลียมส์กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อทำให้นโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกตินั้น จะช่วยให้สามารถรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจในอัตราที่จะดำเนินไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว และหากรอนานเกินไป เศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาอื่นๆ และอาจถึงขั้นที่ทำให้เฟดอยู่ในสภาพที่ต้องรีบปรับนโยบายเพื่อชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะที่นายดัดลีย์กล่าวว่า การชะลอตัวลงของภาคสินเชื่อ ประกอบกับดัชนีตลาดหุ้นที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลง ล้วนเป็นปัจจัยที่จะส่งเสริมให้เฟดดำเนินนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น