สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและดัชนีภาคการผลิต
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10.70 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ระดับ 1,279.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 40.8 เซนต์ หรือ 2.4% ปิดที่ 16.714 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 7.50 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 967.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 6.10 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 892.05 ดอลลาร์/ออนซ์
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 25.2 ในเดือนส.ค. จากระดับ 9.8 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% โดยยอดค้าปลีกเดือนก.ค ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายรถยนต์ และสินค้าฟุ่มเฟือย ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 68 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2016 และบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือที่เริ่มคลี่คลายลงยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ โดยล่าสุดนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า เขาจะชะลอการตัดสินใจยิงขีปนาวุธไปตกลงในบริเวณเกาะกวม โดยจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของสหรัฐก่อน ส่วนทางด้านสหรัฐนั้น นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ยังคงยืนยันเจตนารมณ์ที่จะใช้ช่องทางการทูตและการเจรจาในการคลี่คลายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี