สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์"
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 17.40 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ระดับ 1,315.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 39.2 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 17.441 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 10.20 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 989.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.90 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 932.35 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุน เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยให้ราคาทองคำมีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น มาจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งเคลื่อนตัวเข้าพัดถล่มรัฐเท็กซัส ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก และสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ประสบภัยหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองฮุสตัน ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ
รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศว่าจะเดินทางไปยังรัฐเท็กซัสในวันนี้ หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักทั่วรัฐเท็กซัส และยังทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายการเงินในอนาคต ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%