สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 13 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ระดับ 1,253.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 15.3 เซนต์ หรือ 0.96% ปิดที่ 15.802 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 894.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 16 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,002.95 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดตลาดร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.08% สู่ระดับ 93.684 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายด้วยดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับตัวลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 236,000 ราย
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้น 188,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะขยับขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากเดือนต.ค. ที่ระดับ 4.1%