สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 11 หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดนั้น ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,322.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 17.285 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 975.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 12.55 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,082.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำยังคงปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวขึ้นเพียง 148,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ขยายตัวน้อยกว่าคาด จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 76% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ลดลงจากระดับ 78% ก่อนเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน และนักลงทุนยังคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งหลังจากเดือนมี.ค.
นายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ได้กล่าวแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยความเห็นของนายฮาร์เกอร์ที่แนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ แตกต่างจากเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ที่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้