สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,320.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 17.144 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 976.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 13.70 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,095.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดตลาดปรับตัวลง เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำลดน้อยลง โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่านั้น จะทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่านั้น มาจากการแสดงความเห็นของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก ซึ่งกล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น อันเนื่องมาจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐ
ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แต่ก็คาดว่าจะดีดตัวขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้า ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่เฟดควรจะต้องศึกษาทางเลือกอื่นๆสำหรับการดำเนินนโยบายการเงิน
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของเฟด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค. ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ในศุกร์ที่ 12 ม.ค.