ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร ภายหลังจากสัญญาถั่วเหลืองทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวลง 9.75 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 10.5775 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวลง 0.25 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 3.695 ดอลลาร์/บุชเชล สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 5 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 4.3325 ดอลลาร์/บุชเชล
สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวลงต่อเนื่องมาจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากรายงานพยากรณ์อากาศในอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่ของโลกและเป็นคู่แข่งของสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า สภาพอากาศในอาร์เจนตินาจะเอื้อต่อการเพาะปลูกถั่วเหลืองได้ดีขึ้น หลังจากที่เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในเดือนนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตถั่วเหลือง
นายโดนัลด์ คีนีย์ นักอุตุนิยมวิทยาเกษตรแห่งสำนักงานสารสนเทศเอ็มดีเอ ระบุว่า "สภาพอากาศในบริเวณพื้นที่ตอนกลางของอาร์เจนตินาจะมีความแห้งมากขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่พื้นที่หลายแห่งทางภาคตะวันออกจะมีฝนตก ซึ่งจะส่งผลให้ดินมีสภาพที่ชุ่มชื้นขึ้น"
ด้านคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) ได้เปิดเผยรายงานประจำสัปดาห์ว่า นักลงทุนเก็งกำไรจำนวนมากได้เข้าทำลองโพซิชั่นในสัญญาถั่วเหลืองในตลาด CBOT ด้วยสัดส่วนที่มากกว่าการขายชอร์ต ส่งผลให้ตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะผันผวน
สัญญาข้าวสาลีปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์ระบุว่า การซื้อขายส่วนใหญ่เป็นไปตามปัจจัยทางเทคนิค และได้แรงหนุนจากการซื้อชดเชยชอร์ตเซล (short-covering) ภายหลังจากที่ตลาดข้าวสาลีขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆ
นอกจากนี้ การที่ดอลลาร์อ่อนค่าได้ทำให้ธัญพืชของสหรัฐมีความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มขึ้นในตลาดธัญพืชทั่วโลก โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลง หลังนักลงทุนเกิดความวิตกในนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ ที่มีลักษณะชาตินิยมและกีดกันการค้า