สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 104.3 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 109.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะที่ 304,000 ราย แต่ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 315,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนเม.ย. โดยระบุว่า ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 16.6 จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 9.0
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 เม.ย.พุ่งขึ้น 10 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 394.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 13 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยมีรายงานว่า สหภาพยุโรป รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และยูเครน ได้เริ่มเปิดฉากเจรจาแล้วเมื่อวานนี้ ที่นครเจนีวา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครนขณะนี้