สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า อิหร่านส่งสัญญาณพร้อมร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อเข้าพยุงราคาในตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 48.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 49.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า อิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กำลังส่งสัญญาณเชิงบวกในการร่วมมือกับกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อกระตุ้นราคาในตลาด
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า อิหร่านจะเข้าร่วมการประชุมกลุ่มโอเปกซึ่งจะจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย
ข่าวความคืบหน้าดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า อิรักเตรียมเพิ่มการส่งออกน้ำมัน 150,000 บาร์เรล/วันจากบ่อน้ำมันทางเหนือของประเทศ หลังจากประสบปัญหาขัดข้องด้านการผลิตตั้งแต่เดือนมี.ค. รวมทั้งรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า การฟื้นตัวของราคาน้ำมันยังคงมีความเปราะบาง เนื่องจากมีสัญญาณว่า ความขัดแย้งภายในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในไนจีเรีย อิรัก และลิเบีย กำลังคลี่คลายลง
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังได้คงคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ระดับ 45-50 ดอลลาร์/บาร์เรลไปจนถึงช่วงฤดูร้อนในปีหน้า และคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะดิ่งลงแตะระดับ 45 ดอลลาร์/บาร์เรล หากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพิ่มปริมาณการผลิต ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์เดิมของราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ระดับ 52.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย