สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับฐานในวันนี้ หลังพุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ ขานรับมติที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการปรับลดการผลิตน้ำมัน
ณ เวลา 18.26 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.21% สู่ระดับ 46.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 5.3% เมื่อคืนนี้ หลังจากโอเปกมีมติปรับลดการผลิตน้ำมัน โดยที่ประชุมมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
นายโมฮัมหมัด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา ประธานโอเปกได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 6 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง โดยยืนยันว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน และตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ และจากนั้นจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30 พ.ย.
นายอัล-ซาดายังกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการชุดนี้ยังจะต้องทำหน้าที่ประสานงานกับสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ เพื่อให้กระบวนการสร้างความสมดุลในตลาดน้ำมันดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับย้ำว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งในกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกนั้น จำเป็นต้องแบ่งรับภาระในการปรับเปลี่ยนเพดานการผลิตน้ำมันร่วมกัน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์แสดงความไม่มั่นใจต่อข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าที่ผ่านมา สมาชิกโอเปกมักไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ในการลดการผลิต
"ซาอุดิอาระเบียอาจทำตามสัญญา แต่สำหรับสมาชิกรายอื่นของโอเปกอาจยังคงเพิ่มการผลิตแม้มีการทำข้อตกลง ซึ่งสิ่งนี้เรามักเห็นได้ในช่วงทศวรรษ 1980 ที่โอเปกประกาศลดการผลิตน้ำมัน" นายเอริค นอร์แลนด์ นักเศรษฐศาสตร์จากซีเอ็มอี กรุ๊ป กล่าว
ทางด้านนายไบรอัน เจค็อปเซน จากเวลส์ ฟาร์โก กล่าวว่า "โอเปกเป็นชื่อขององค์กรแต่ในนามเท่านั้น แต่จริงๆแล้วเป็นกลุ่มทางการเมือง โดยมีแรงจูงใจทางการเมืองมากกว่า"
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังระบุว่า อุปสงค์น้ำมันที่ยังอ่อนแอ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานน้ำมัน ซึ่งส่งผลกดดันตลาด
"การลดการผลิตอาจเป็นข่าวดีสำหรับเทรดเดอร์ แต่สำหรับนักลงทุนแล้ว เรายังไม่เห็นผลของการใช้มาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจทั่วโลกว่าจะช่วยทำให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด" นายจิม โลเวลล์ ที่ปรึกษาการลงทุนจากซีไอโอ กล่าว
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ และปีหน้า โดยระบุว่าแม้ข้อตกลงของกลุ่มโอเปกจะช่วยหนุนราคาในระยะสั้น แต่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มปริมาณน้ำมันในอนาคตมากนัก
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานระบุว่า ทางธนาคารยังคงคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ที่ระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้ และที่ระดับ 53 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2017 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางธนาคารได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในช่วงสิ้นปีนี้จากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะเดียวกัน โซซิเอเต้ เจเนอราลก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันเช่นกัน โดยยังคงคาดการณ์ว่าราคาน้ำมัน WTI ที่ระดับ 48.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 4 ของปีนี้ และที่ระดับ 58.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 4 ของปี 2017
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ให้ความเห็นว่า ถึงแม้โอเปกรักษาข้อตกลงในการลดการผลิตน้ำมัน แต่ในระยะยาว การที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น จะดึงดูดให้ผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งก็จะฉุดราคาน้ำมันให้ร่วงลง
โกลด์แมน แซคส์ ตั้งข้อสังเกตุว่า ที่ผ่านมา สมาชิกโอเปกไม่มีแนวโน้มที่จะรักษาข้อตกลงในการผลิตน้ำมันตามโควตาของตน