สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการซึ่งจัดขึ้นที่แอลจีเรียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทว่าสัญญาน้ำมันปรับขึ้นในกรอบจำกัด เพราะตลาดยังคงไม่มั่นใจต่อข้อตกลงดังกล่าว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 48.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 18 เซนต์ 0.4% ปิดที่ 49.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายโมฮัมหมัด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา ประธานโอเปก กล่าวว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน และตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ และจากนั้นจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30 พ.ย.
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ไม่มั่นใจต่อแนวทางการปฏิบัติในการลดกำลังการผลิตของโอเปก การแบ่งโควตาระหว่างสมาชิกประเทศต่างๆ และการที่สมาชิกอาจไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง รวมทั้งประเทศนอกกลุ่มโอเปกอาจขุดเจาะน้ำมันมากขึ้น หากราคาน้ำมันพุ่งขึ้น
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้และปีหน้า โดยระบุว่าแม้ข้อตกลงของกลุ่มโอเปกจะช่วยหนุนราคาในระยะสั้น แต่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มปริมาณน้ำมันในอนาคตมากนัก
โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานระบุว่า ทางธนาคารยังคงคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ที่ระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้ และที่ระดับ 53 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางธนาคารได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในช่วงสิ้นปีนี้จากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะเดียวกัน บริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 7 แท่น เป็น 425 แท่น ณ วันศุกร์ นับว่าเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 13 ในรอบ 14 สัปดาห์ที่ผ่านมา