สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 50.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 51.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 468.7 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่านั้น จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด โดยการประชุมจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อหาข้อสรุปถึงแนวทางว่าจะดำเนินการตามแผนการลดการผลิตอย่างไร หลังจากที่กลุ่มโอเปกได้ตกลงกันในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่ประเทศแอลจีเรียเมื่อเดือนก.ย.ว่า จะลดกำลังการผลิตโดยรวมลงสู่ระดับ 32.5 - 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นายคาลิด อัล-ฟาลิห์ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย กล่าวในที่ประชุม "Oil & Money" ในกรุงลอนดอน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปกนั้น จะร่วมมือกับทางกลุ่มในการปรับลดกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
ทางด้านนายโมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มโอเปกได้แสดงความเชื่อมั่นว่าทางกลุ่มจะสามารถดำเนินการปรับลดการผลิตน้ำมันได้ตามแผน ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.นี้