สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) โดยสัญญาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.62 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 51.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 2.10 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 53.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงเป็นอย่างคึกคัก โดยสัญญาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากกลุ่มโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 33.8 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยการลดกำลังการผลิตครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.2017
สำหรับการประชุมโอเปกเมื่อวันพุธที่ผ่ามานั้น เป็นการประชุมเพื่อกำหนดโควตาการผลิตน้ำมันของสมาชิกทั้ง 14 ประเทศของโอเปก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ โอเปกได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์สในเดือนก.ย.เพื่อลดกำลังการผลิตโดยรวมสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน
นายนูเรดดีน บูเตอร์ฟาร์ รัฐมนตรีพลังงานของแอลจีเรีย คาดการณ์ว่า การที่กลุ่มโอเปกมีมติปรับลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ จะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกับกล่าวว่า การตัดสินใจของโอเปกในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียได้ระงับการเป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปกอีกครั้ง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต โดยอินโดนีเซียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโอเปกครั้งแรกในปี 2505 และออกจากกลุ่มไปในปี 2552 ซึ่งทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบสุทธิ ก่อนที่จะตัดสินใจกลับมาเข้าร่วมเป็นสมาชิกของโอเปกอีกครั้งในปีที่แล้ว
นายอิกนาเซียส โจนัน รัฐมนตรีพลังงานและทรัพยากร ซึ่งเข้าร่วมการประชุมโอเปกที่กรุงเวียนนา กล่าวว่า อินโดนีเซียไม่สามารถลดการผลิตลง 5% หรือประมาณ 37,000 บาร์เรล/วัน ตามที่ทางกลุ่มเสนอมาได้