สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) ก่อนที่การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะมีขึ้นที่กรุงเวียนนาในวันนี้ โดยการประชุมดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบระดับการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตของประเทศสมาชิก อย่างไรก็ตาม แรงบวกของสัญญาน้ำมันได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 52.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 55.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์นั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นราว 0.1% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับขึ้นไม่ถึง 0.1%
นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่การประชุมระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งรวมถึงรัสเซียนั้น จะประชุมร่วมกันในวันนี้ ที่กรุงเวียนนา เพื่อตรวจสอบระดับการปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตของประเทศสมาชิก โดยในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้
ทางด้านนายคาหลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปกอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกครั้งในปีนี้ ถ้าหากว่าราคายังคงร่วงลงอีก จากตัวแปรนอกการควบคุมของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เช่น การทรุดตัวลงของอุปสงค์
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสัปดาห์นี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 29 แท่น สู่ระดับ 551 แท่น
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังด้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 485.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรล