สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รวมทั้งรายงานคาดการณ์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 84 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 52.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 55.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดปรับตัวลง เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปี 2559 ของสหรัฐ อยู่ที่ 8.9 ล้านบาร์เรล/วัน โดยคาดว่าปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2560 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.5 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2561
ตลาดยังคงได้รับปัจจัยลบจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น 17 แท่น สู่ระดับ 583 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้น 13 สัปดาห์ ในช่วง 14 สัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดย EIA จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ ตลาดยังติดตามสถานการณ์ของอิหร่านซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกรายใหญ่ของโอเปก หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรชาวอิหร่านจำนวน 13 คน และบริษัท 12 แห่ง เพื่อเป็นการลงโทษต่อการที่อิหร่านได้ทำการทดสอบขีปนาวุธ