สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนาในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด หลังจากสมาชิกโอเปกบางประเทศได้ออกมาส่งสัญญาณในการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 49.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 52.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 35,000 บาร์เรล
ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 413,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 731,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 25 พ.ค.นี้ โดยนักลงทุนยังคงมีมุมมองต่อการประชุมดังกล่าว หลังจากนายเอสซาม อัล-มาร์ซูค รมว.น้ำมันคูเวต กล่าวว่า เขาให้การสนับสนุนแนวคิดของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
นอกจากนี้ รมว.น้ำมันคูเวตคาดว่าสมาชิกกลุ่มโอเปกจะให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าวเช่นกันในการประชุมวันที่ 25 พ.ค.
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้