สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกที่ว่าการที่ชาติอาหรับได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ อาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 47.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 49.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังจากบาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์เมื่อวานนี้ โดยอ้างเหตุผลว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระบุว่า ทั้ง 3 ชาติจะปิดชายแดนทางบก และทะเล รวมทั้งสนามบินต่อกาตาร์ โดยห้ามกาตาร์รุกล้ำดินแดน น่านน้ำ และน่านฟ้า
ทั้งนี้ กาตาร์นับเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติ (LNG) รายใหญ่ของโลก โดยข่าวดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับกาตาร์นั้น ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าอาจจะกระทบความพยายามในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ประชุมของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก มีมติเห็นพ้องสำหรับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือนจนถึงเดือนมี.ค.2018 โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น โดยโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกจะยังคงผลิตน้ำมันราว 1.8 ล้านบาร์เรล/วันต่อไป
ส่วนการประชุมโอเปกครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาทบทวนกำลังการผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 10% ตั้งแต่กลางปี 2016 สู่งระดับ 9.34 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้เคียงกับระดับของซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย
ทางด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐ เปิดเผยรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ พบว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 11 แท่น สู่ระดับ 733 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015 และเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 20 ติดต่อกัน เทียบกับระดับ 325 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว