สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 และการผลิตน้ำมันก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 49.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 51.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 7.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 4
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 614,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 453,000 บาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง 19,000 บาร์เล สู่ระดับ 9.410 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดิอาระเบียระบุว่าจะลดการส่งออกน้ำมัน สู่ระดับ 6.6 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนหน้า ซึ่งเป็นการลดการส่งออกลงเกือบ 1 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบกับระดับในช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะที่ไนจีเรียจะเข้าร่วมการปรับลดกำลังการผลิต หลังจากที่ได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาวะวุ่นวายทางการเมือง และเศรษฐกิจในเวเนซุเอลา ซึ่งกลุ่มแรงงานเตรียมผละงานประท้วงเพื่อกดดันให้ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ยกเลิกการเลือกตั้งที่กำหนดมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในประเทศ