สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) ขานรับการแสดงความเห็นในด้านบวกของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันซึ่งระบุว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 52.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 59.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของคูเวตได้แสดงความเห็นว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล พร้อมระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตจะช่วยให้สต็อกน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงสู่ระดับเฉลี่ยรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายของกลุ่มโอเปก
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีน้ำมันจากกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย และอีกหลายประเทศ ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียนั้น คณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) เปิดเผยว่า ประเทศที่ร่วมในข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิตที่ระดับ 116% ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 94% ในเดือนก.ค.
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีน้ำมันจากกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยมีแนวโน้มว่าจะทำการพิจารณาอีกครั้งในเดือนม.ค.ปีหน้า ว่าจะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตหรือไม่ จากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดเมื่อจบไตรมาสแรกของปีหน้า
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 744 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน