สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากรายงานของโอเปกระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 51.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 56.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากโอเปกคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า โดยมีการปรับเพิ่มขึ้นปีละ 30,000 บาร์เรล/วัน อันเนื่องมาจากความต้องการน้ำมันของจีนและประเทศที่พัฒนาแล้วในปีนี้ รวมทั้งจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีข้นในปีหน้า โดยเฉพาะในจีนและรัสเซีย
ทั้งนี้ โอเปกได้ปรับเพิ่มอุปสงค์น้ำมันโลกเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศนอกโอเปก โดยลดลง 100,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และ 60,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม แรงบวกของสัญญาน้ำมันดิบได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากโอเปกระบุว่า โอเปกผลิตน้ำมัน 32.75 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 88,500 บาร์เรล/วัน โดยปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนก.ย.ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของปีนี้
การผลิตน้ำมันของโอเปกนำโดยไนจีเรียและลิเบีย โดยแต่ละประเทศมีการผลิตเพิ่มขึ้น 50,000 บาร์เรล/วัน ส่วนอิรักมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากเป็นอันดับ 3 รองจากไนจีเรียและลิเบีย โดยมีการผลิตเพิ่มขึ้น 32,000 บาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงเพียง 400,000 บาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค.