สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ต.ค.) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศไม่ให้การรับรองว่าอิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้ในปี 2558 ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 51.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 57.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองว่าอิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่มีการละเมิดหลายครั้ง
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐจะยังไม่ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แต่จะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อตกลงฉบับปัจจุบันเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ต่ออิหร่าน
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ถ้าหากทำเนียบขาวไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสและพันธมิตรของสหรัฐภายใต้แผนการที่รัฐบาลสหรัฐนำเสนอ
"ในกรณีที่เราไม่สามารถบรรลุแนวทางการทำงานกับสภาคองเกรสและพันธมิตรของเรา เราก็จะยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว" ปธน.ทรัมป์กล่าว
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาจะแจ้งต่อสภาคองเกรสว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านฉบับปี 2558 ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐ ทำให้สหรัฐจำเป็นที่จะต้องเจรจากับพันธมิตรเพื่อออกข้อตกลงใหม่ที่จะเสริมเข้ากับข้อตกลงฉบับปี 2558
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐได้ทำการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อสมาชิกของกองกำลังปฏิวัติอิสลามของอิหร่านเมื่อวานนี้ เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่านให้ปฏิบัติตามข้อตกลง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 743 แท่นในสัปดาห์นี้