สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า การส่งออกน้ำมันดิบในอิรักปรับตัวลดลง และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลงเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 38 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 57.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากมีรายงานว่า การส่งออกน้ำมันจากดินแดนเคอร์ดิสถานของอิรักผ่านทางท่าเรือซีย์ฮานของตุรกีนั้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 200,000-250,000 บาร์เรล/วัน จากระดับ 600,000 บาร์เรล/วันก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันตลาดได้ปัจจัยบวกหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 7 แท่น สู่ระดับ 736 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยที่ผลักดันราคาน้ำมัน โดยสถานการณ์ในอิหร่านนั้น อยาตุลลาห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เปิดเผยว่า อิหร่านจะฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์สากลเมื่อปี 2558 หากสหรัฐเลือกที่จะทิ้งข้อตกลงดังกล่าว พร้อมกับขานรับจุดยืนของรัฐบาลประเทศต่างๆในยุโรปที่คัดค้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่ออกมาปฏิเสธว่า จะไม่ให้การรับรองอิหร่านว่าได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA)
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย