สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐปรับตัวขึ้นใกล้เคียงกับแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้ปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 63.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดปรับตัวลง หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 258,000 บาร์เรล แตะระดับ 9.75 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 9.789 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 412.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล
ทางด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ออกรายงานประจำเดือนม.ค.ระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค. และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีนี้ อันเนื่องจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศนอกโอเปก
รายงานดังกล่าวคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศนอกโอเปกจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.15 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ สู่ระดับ 58.94 ล้านบาร์เรล/วัน โดยประเทศในกลุ่มนอกโอเปกที่ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐ แคนาดา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก อินโดนีเซีย บราซิล และลาตินอเมริกา
นอกจากนี้ รายงานของโอเปกยังระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 0.40 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 97.49 ล้านบาร์เรล/วัน