สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) จากความหวังที่ว่าโอเปกอาจจะขยายระยะเวลาลดการผลิตน้ำมัน หลังซาอุดิอาระเบียเสนอให้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังคงปรับลดกำลังการผลิตต่อไปจนถึงปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 65.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดสำหรับสัญญา front-month ในรอบ 8 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 70.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปิดเหนือระดับ 70 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค.
ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญา WTI ปรับตัวขึ้น 5.6% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 6.4% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่สัญญาน้ำมันทั้งสองปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเมื่อวานนี้ ได้แรงหนุนจากคำกล่าวของนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย ที่ระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จำเป็นต้องร่วมมือกับรัสเซีย และประเทศนอกกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิตต่อไปในปี 2562 เพื่อลดปริมาณน้ำมันในตลาดโลก
ก่อนหน้านี้ โอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายรายได้เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้วจนถึงปลายปีนี้เพื่อแก้ปัญหาน้ำมันล้นตลาด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่มอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นอีกจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การที่โอเปกลดกำลังการผลิต ขณะที่อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น จะผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวแตะระดับ 82.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในกลางปีนี้
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 804 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558
นอกจากนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันยังคงมีจำนวนมากกว่าระดับ 652 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว